จี้หัวใจสยบไหลตาย (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 11 เมษายน 2559
- Tweet
โรคใหลตายมักมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรืออาจเป็นผลจากการมีโครงสร้างหัวใจที่ผิดปกติ ความไม่สมดุลของสารเคมีที่ช่วยในการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปทั่วร่างกาย (Electrolytes) การใช้ยาบางชนิด หรือการเสพโคเคน
ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคใหลตาย ได้แก่
- หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคใหลตาย ความเสี่ยงในการเป็นโรคจะสูงขึ้น
- เพศชายมีโอกาสเป็นสูงกว่าเพศหญิงพบในคนเชื้อชาติเอเชียมากกว่าเชื้อชาติอื่น
- มีไข้ เพราะขณะที่เป็นไข้อาจมีผลต่อกระทบต่อหัวใจซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการใหลตายหรือหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
นอกจากการตรวจร่างกาย การฟังเสียงหัวใจด้วยหูฟังของแพทย์ (Stethoscope) แล้ว สามารถตรวจได้ด้วย
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram = ECG) ซึ่งเป็นการจับจังหวะการเต้นของหัวใจ อย่างไรก็ดีเนื่องจากการเต้นของหัวใจอาจเปลี่ยนแปลง ดังนั้นแพทย์จึงอาจให้ยาทางหลอดเลือดร่วมด้วย เพื่อช่วยให้เห็นสัญญาณ Type 1 Brugada ECG pattern ได้ดียิ่งขึ้น
- การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ (Electrophysiology test = EP) ใช้ตรวจประเมินสัญญาณไฟฟ้าหัวใจและทางเดินไฟฟ้าหัวใจ การตรวจวิธีนี้ใช้เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่หัวใจเต้นผิดปกติและหาวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด
[วิธีทำก็คือสอดสายไฟฟ้าสวนเข้าไปทางหลอดเลือดที่แขนหรือขาให้ปลายสายวิ่งไปถึงหัวใจ แล้ววัดไฟฟ้าตามจุดต่างๆ ดูจนคอมพิวเตอร์วาดภาพได้ว่าไฟฟ้าที่ผิดปกติวิ่งทางไหน แล้วจึงหาวิธีการหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรักษาจังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกติ]
- การตรวจทางพันธุกรรม กรณีที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
การรักษาโรคใหลตายขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ โดยใช้
- การฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (Implantable Cardioverter-Defibrillator = ICD) ซึ่งเป็นการฝังเครื่องมือคล้ายๆ กับเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงหัวใจห้องล่างเต้นผิดปกติ (Ventricular Fibrillation) และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อหัวใจเต้นช้าเครื่องมือก็จะกระตุ้นหัวใจ แต่เมื่อหัวใจเต้นเร็วขนาดที่อาจเป็นอันตราย เครื่องจะปล่อยพลังงานไฟฟ้าระดับที่เหมาะสมเพื่อกระตุกให้หัวใจกลับมาเต้นปกติทันที
- การรักษาด้วยยา เช่น ยา Quinidine ที่ใช้ป้องกันหัวใจจากการเต้นที่ผิดปกติ
- การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency ablation = RFA)
แหล่งข้อมูล
1. Brugada syndrome. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/brugada-syndrome/basics/definition/con-20034848 [2016, April 10].
2. Brugada syndrome. http://emedicine.medscape.com/article/163751-overview [2016, April 10].