จิตวิทยาในชีวิตประจำวัน – ภาคที่ 3 จิตวิทยาผู้ใหญ่ ตอนที่ 17 : ความสัมพันธ์ระยะยาว (2)
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 9 สิงหาคม 2558
- Tweet
คู่สมรสที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตแต่งงาน จะสามารถค้นหาหนทางที่จะแก้ปัญหาทั้ง 4 ข้อ กล่าวคือ การวิพากษ์วิจารณ์ (Criticism) การแก้ต่าง (Defensiveness) การเหยียดหยาม (Contempt) และการปิดกั้น (Stonewall) ตัวอย่างเช่น ทั้งคู่สามารถเรียนรู้ที่จะเผชิญกับอุปสรรคปิดกั้น โดยหาทางออกความขัดแย้งด้วย
- วิธีการเปิดใจพูดตรงไปตรงมา
- ไม่พยายามแก้ต่าง ในเรื่องเสียงสะท้อน (Feedback) ที่ได้รับในเชิงลบ
- ลดการวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกันลง และพยายามสนับสนุนซึ่งกันและกัน และ
- ตกลงที่จะมองข้ามปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งได้ (อาทิ ฝ่ายหนึ่งไร้ระเบียบ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเจ้าระเบียบ)
นักวิจัยพบว่า “การตกหลุมรัก” (Falling in love) เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องทำงานร่วมกันจึงจะประสบความสำเร็จที่ยั่งยืน ทุกคู่สมรสทราบดีว่า ชีวิตครองเรือนมีทั้งขึ้นและลง ผลการวิจัยแสดงว่า จุดต่ำสุดอยู่ที่เมื่อลูกวัยรุ่นเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง (Independent) และมีความเห็นขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ของพ่อแม่ แต่จุดสูงสุดก็อยู่ที่เมื่อลูกออกจากบ้านแยกไปอยู่ต่างหาก ความสุขสงบจะกลับคืนมาใหม่ แล้วคู่สมรสก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
นักวิจัยต้องการพยากรณ์ว่า คู่สมรสไหนจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ในความสัมพันธ์ระยะยาว? โดยเฉพาะข้อมูลที่ว่า 40 ถึง 60% ของชีวิตสมรสประสบความล้มเหลว เป็นสิ่งที่ท้าทายคำถามว่า แล้วนักวิจัยจะต้องออกแบบโปรแกรมการวิจัยอย่างไร จึงจะสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้
อันที่จริง การวิจัยทุกครั้ง มีจุดมุ่งหมาย 4 ประการ กล่าวคือ สาธยาย (Describe) อธิบาย (Explain) พยากรณ์ (Predict) และควบคุม (Control) พฤติกรรม โดยที่ จุดหมาย 2 ประการแรก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ง่าย แต่ 2 ประการหลัง เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากพฤติกรรมหลายอย่างของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินที่จะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น นักวิจัย จึงไม่อาจพยากรณ์หรือควบคุมได้เลย แม้ว่าจะมีนักวิจัยบางคนที่โอ้อวดความแม่นยำในการพยากรณ์ ในอดีตนักวิจัยเคยใช้วิธีการรายงานผลด้วยตัวเอง (Self-report) หรือแบบสอบถาม (Questionnaire) เพื่อศึกษาความสำเร็จของล้มเหลวของความสัมพันธ์ระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เครื่องทั้ง 2 ชนิด ก็ไม่อาจเชื่อถือได้ทั้งหมด เนื่องจากคู่สมรสอาจมีความลำเอียง (Bias) ในการให้คำตอบ ทั้งๆ ที่รู้ (เพราะความละอายใจ [Embarrassment]) หรือไม่รู้ (เพราะมัวแต่แก้ต่าง [Defensiveness]) แต่นักวิจัยก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง (Break-through) ในการศึกษาและพยากรณ์ความสัมพันธ์ระยะยาว ผ่านการพัฒนาวิธีวิจัย (Research method) แบบใหม่
วิธีดังกล่าวเรียกว่า “ห้องปฏิบัติการแห่งความรัก” (Love laboratory) ซึ่งคู่สมรสนั่งหันหน้าเข้าหากัน อยู่หน้ากล้องวีดิทัศน์ แล้วพูดคุยกันเป็นเวลา 15 นาที ในหัวข้อที่เป็นความปวดร้าว (Sore) [ทางใจ] โดยกล้องบันทึกภาพสีหน้าและส่วนการบันทึกการสนองตอบทางสรีระ (Physiological response) ผ่านข้อมือ (Wrist band) ข้อนิ้ว (Finger band) วัสดุสีขาว
แหล่งข้อมูล
- Plotnik, Rod. (2002). Introduction to Psychology (6th Ed). Pacific Grove, CA: Wadsworth -Thompson Learning.
- Love - http://en.wikipedia.org/wiki/Love [2015, August 8].