งีบกลางวันเสี่ยงเบาหวาน (ตอนที่ 6)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 12 พฤศจิกายน 2558
- Tweet
หลังจากที่ทำความรู้จักกับภาวะง่วงนอนเวลากลางวัน (Excessive daytime sleepiness = EDS หรือ Excessive Sleepiness) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาทำความรู้จักกับโรคเบาหวานกันต่อ แต่ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับคำว่า “อินซูลิน” และ “กลูโคส” กันก่อน
อินซูลิน (Insulin) คือ ฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่นำพากลูโคส (Glucose) ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถ้าตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อยหรือไม่ได้เลย น้ำตาลก็จะตกค้างอยู่ที่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน
อินซูลินไม่สามารถกินได้ทางปาก เพราะเอนไซม์ในท้องจะขัดขวางการทำงานของอินซูลิน ดังนั้นจึงมีเพียงอินซูลินที่อยู่ในรูปของ
- วิธีฉีด (Injections)
- วิธีปั้มเข้าสู่ร่างกาย (Insulin pump)
[Insulin pump เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เลียนแบบการทำงานเหมือนตับอ่อน มีขนาดเท่ากับโทรศัพท์พกพา (Cellphone) สามารถติดตัวไปไหนมาไหนได้ ประกอบด้วยท่อที่เชื่อมกับหลอดบรรจุอินซูลินและต่อเข้ากับตัวผู้ป่วยทางช่องท้อง หลัง ขา หรือแขน โดยมีการตั้งโปรแกรมให้เครื่องส่งอินซูลินเข้าสู่ชั้นผิวหนังทีละน้อยตามปริมาณที่ต้องการ]
อินซูลินมีหลายชนิด ได้แก่
- Rapid-acting – จะออกฤทธ์ในเวลาประมาณ 15 นาที ออกฤทธิ์สูงสุด 1 ชั่วโมงหลังการได้รับยา และอยู่ได้นาน 2-4 ชั่วโมง
- Regular or short-acting - จะออกฤทธ์ในเวลาประมาณ 30 นาที ออกฤทธิ์สูงสุด 2-3 ชั่วโมงหลังการได้รับยา และอยู่ได้นาน 3-6 ชั่วโมง
- Intermediate-acting - จะใช้เวลาซึมเข้ากระแสเลือด 2-4 ชั่วโมง ออกฤทธิ์สูงสุด 4-12 ชั่วโมงหลังการได้รับยา และอยู่ได้นาน 12-18 ชั่วโมง
- Long-acting - ใช้เวลาซึมเข้ากระแสเลือดนาน และอยู่ได้นาน 24 ชั่วโมง สำหรับ กลูโคส (Glucose) เป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ที่สร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ โดย
- กลูโคสในร่างกายได้มาจาก 2 แหล่งหลักๆ คือ อาหารและตับ
- น้ำตาลจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด โดยมีอินซูลินเป็นผู้นำกลูโคสไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย
- ตับจะสะสมกลูโคสในรูปของสารไกลโคเจน (Glycogen)
- เมื่อระดับกลูโคสต่ำล’ เช่น เมื่อไม่ได้กินอาหารสักระยะหนึ่ง ร่างกายจะเปลี่ยนไกลโคเจนที่สะสมไว้เป็นกลูโคส เพื่อให้กลูโคสในร่างกายอยู่ในระดับปกติ
แหล่งข้อมูล
1. Type 1 diabetes. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/type-1-diabetes/basics/definition/con-20019573 [2015, November 11].
1. Type 1 diabetes. http://www.webmd.com/diabetes/type-1-diabetes-guide/type-1-diabetes [2015, November 11].