งีบกลางวันเสี่ยงเบาหวาน (ตอนที่ 3)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 9 พฤศจิกายน 2558
- Tweet
วิธีการตรวจการนอนหลับในห้องปฏิบัติการ (Sleep Study / polysomnography) เป็นวิธีที่ไม่รุกล้ำ (Non-invasive exam) ทำให้แพทย์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสมองและร่างกายของคนไข้ได้
วิธีนี้คนไข้จะต้องนอนค้างในโรงพยาบาลหรือสถานที่ตรวจ โดยขณะหลับจะมีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองด้วยเครื่อง EEG (Electroencephalo graphy) ซึ่งสามารถใช้วัดผลได้หลายอย่าง เช่น
- การเคลื่อนไหวของลูกตา (Eye movements)
- ระดับออกซิเจนในเลือด
- อัตราการเต้นของหัวใจ
- อัตราการหายใจ
- การกรน
- การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movements)
สำหรับทางที่ดีที่สุดในการรักษาภาวะง่วงนอนเวลากลางวันก็คือ การรักษาที่ต้นเหตุ กล่าวคือ อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลานอน ปรับเปลื่ยนพฤติกรรม กำจัดความเครียด หรือจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการนอน (Sleeping environment)
นอกจากนี้อาจมีการให้ยาเพื่อปรับสารสื่อประสาทชนิดต่างๆ และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทในสมอง ทั้งนี้ยาแต่ละตัวจะให้ผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไป
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการนอนหลับที่ดี (Healthy sleep) ซึ่งจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ทำตามตารางเวลาการนอน – เข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อช่วยจัดการกับนาฬิกาชีวิตได้ (Body's clock)
- ฝึกหัดผ่อนคลายก่อนเข้านอน เช่น การอาบน้ำอุ่น การฟังเพลงเบาๆ การอ่านหนังสือ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดความตื่นเต้น ความเครียด เช่น การใช้เครื่องมืออิเล็คโทรนิค (เพราะแสงหน้าจอของเครื่องมือเหล่านี้จะกระตุ้นการทำงานของสมอง)
- หากเป็นคนนอนหลับยาก ให้เลี่ยงการงีบหลับ โดยเฉพาะในช่วงบ่าย
- ออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อย 30 นาที
- สร้างสภาพแวดล้อมในการนอนที่ดี - ห้องควรมีอุณหภูมิเย็นสบาย ปราศจากเสียงรบกวน (รวมถึงเสียงกรน) และควรเป็นห้องที่ปราศจากแสง
- นอนบนที่นอนและหมอนที่สบาย (ที่นอนที่ดีควรมีอายุการใช้งานประมาณ 9-10 ปี)
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ และอาหารมื้อหนักในตอนเย็น
- หากยังนอนไม่หลับให้ไปอยู่ในห้องอื่นและทำบางสิ่งที่ผ่อนคลายแล้วจึงค่อยกลับมาในห้องนอน
แหล่งข้อมูล
1. What Is Excessive Sleepiness.https://sleepfoundation.org/excessivesleepiness/excessive-sleepiness-home [2015, November 8].