คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน: อุจจาระเป็นเลือด

อาการอุจจาระเป็นเลือด (Bloody stool) เป็นอาการผิดปกติที่พบได้บ่อยในทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ และเป็นอาการที่เมื่อเกิดขึ้น มักก่อความกลัวและความกังวลว่า เกิดจากเป็นมะเร็งลำไส้/มะเร็งลำไส้ใหญ่

อุจจาระเป็นเลือด เป็นอาการ ไม่ใช่โรค โดยเป็นอาการพบได้จากหลากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อย ได้แก่

  • ท้องผูก เพราะจำทำให้อุจจาระแข็งครูดเนื้อเยื่อทวารหนักเกิดเป็นแผลฉีกขาด หรือมีการเบ่งจนหลอดเลือดทวารหนักแตก
  • แผลรอยแยกขอบทวารหนัก มักเกิดที่ปากทวารหนัก จากอุจจาระครูด หรือ การเบ่งอุจจาระจากท้องผูก หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
  • ริดสีดวงทวาร เมื่อเกิดบวมอักเสบ ท้องผูก หรือเบ่งอุจจาระ จะส่งผลให้หลอดเลือดที่เกิดริดสีดวงแตก
  • ผลข้างเคียงจากยา โดยยาจะก่อการระคายเคืองต่อเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดแผล และแผลเกิดเลือดออกในทางเดินอาหาร จึงปนออกมาทางอุจจาระ
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เมื่อเลือดแข็งตัวไม่ได้ หรือแข็งตัวได้น้อย จึงเกิดเลือดออกตามอวัยวะต่างๆได้ง่าย โดยเฉพาะในกระเพาะอาหารและลำไส้/ในทางเดินอาหาร
  • ลำไส้เล็กอักเสบ ทำให้เกิดแผลอักเสบของเยื่อบุภายในลำไส้เล็ก จึงเกิดเลือดออกจากแผลได้ง่าย
  • ลำไส้ใหญ่อักเสบ ทำให้เกิดแผลอักเสบของเยื่อบุภายในลำไส้ใหญ่ จึงเกิดเลือดออกจากแผลได้ง่าย
  • ทวารหนักอักเสบ ทำให้เกิดแผลอักเสบของเยื่อบุภายในทวารหนัก จึงเกิดเลือดออกจากแผลได้ง่าย
  • โรคถุงผนังลำไส้
  • โรคติ่งเนื้อเมือกลำไส้ใหญ่ ซึ่งเมื่อติ่งเนื้อเมือกอักเสบ มักเกิดแผล จึงเกิดเลือดออกจากแผลได้ง่าย
  • มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ใหญ่ โดยเป็นเลือดออกจากแผลมะเร็ง
  • โรคเลือดต่างๆ โดยจะทำให้มีเลือดออกได้ง่ายจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เพราะเกล็ดเลือดจะช่วยการแข็งตัวของเลือด ทั้งนี้รวมทั้งโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การมีเลือดออกทางทวารหนัก หรือ อุจจาระเป็นเลือด เป็นอาการที่ต้องไปโรงพยาบาล เพื่อการวินิจฉัยแยกโรค ที่สำคัญต้องแยกจากโรคมะเร็งลำไส้ก่อน (เพราะเป็นโรคที่รุนแรง) ซึ่งเมื่อรู้สาเหตุ แล้วจึงจะสามารถดูแลตนเองได้เมื่อเป็นสาเหตุที่ดูแลได้เอง เช่น ท้องผูก เป็นต้น

และควรต้องไปโรงพยาบาลฉุกเฉินทันที เมื่อมีเลือดออกมาก หรือ มีอาการจะเป็นลม (ใจสั่น ซีด วิงเวียน ไม่มีน้ำปัสสาวะ) และ/หรือร่วมกับอาการปวดท้องมาก และ/หรือ มีไข้