คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน รักษามะเร็งเต้านมที่ย้อนกลับมาเป็นอีกอย่างไร: ตอน 4
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 24 เมษายน 2560
- Tweet
วิธีรักษามะเร็งเต้านมที่เกิดเป็นซ้ำทั้งที่เต้านมและที่ต่อมน้ำเหลืองใกล้เต้านมด้านที่เป็นมะเร็ง(Loco regional recurrence):
หลังแพทย์ตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจสืบค้นเพิ่มเติมว่า โรคอยู่ในระยะที่เป็น Locoregional recurrence แน่นอน แนวทางการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือ
ก. กรณีการรักษาครั้งแรกเป็นการรักษาโดยผ่าตัดเก็บเต้านมไว้: แนวทางการรักษาคือ การผ่าตัดเต้านมออก ร่วมกับการผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองรักแร้ และ/หรือก้อนที่เหนือไหปลาร้าออก หลังจากนั้นจะรักษาตามด้วยการฉายรังสีรักษาบริเวณรอยเต้านมเดิม ที่รักแร้ และที่เหนือไหปลาร้ากรณีที่ยังไม่เคยได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีรักษาบริเวณดังกล่าวมาก่อน และขั้นตอนการรักษาต่อไป คือ การตรวจก้อนเนื้อที่ผ่าตัดทั้งหมดทางพยาธิวิทยา ร่วมกับการตรวจเพื่อดูการจับฮอร์โมนของเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า Hormone receptor ว่าเป็นชนิด จับฮอร์โมน(ฮอร์โมน+ หรือ ER+ และ/หรือPR+) หรือ ไม่จับฮอร์โมน(ฮอร์โมน- หรือ ER- และ/หรือ PR-) และดูว่าเป็นมะเร็งชนิดที่มีจีน/ยีนที่เรียกว่า HER 2 หรือไม่(HER+ หรือ HER-) และมักร่วมกับการได้รับยาฮอร์โมน ถ้าเซลล์มะเร็ง เป็นชนิด ER +และ/หรือ PR+,
และถ้าผลพยาธิวิทยาพบว่า มะเร็งที่ย้อนกลับเป็นซ้ำมีปัจจัยเสี่ยงต่อการลุกลามแพร่กระจาย การรักษามักมีการให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วยตามมา และแพทย์อาจพิจารณาการรักษาต่อเนื่องด้วยยารักษาตรงเป้าในผู้ป่วยที่มี Her2 + กรณีมีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการลุกลามแพร่กระจายของโรค
ข. กรณีเกิดเป็นซ้ำหลังการผ่าตัดครั้งแรกเป็นการผ่าตัดเต้านมออก: การรักษาคือ การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่เกิดเป็นซ้ำออก แล้วตามด้วยการฉายรังสีรักษาในตำแหน่งเต้านมเดิม รักแร้ และเหนือไหปลาร้าด้านที่เกิดโรคถ้ายังไม่เคยได้รับรังสีรักษามาก่อน หลังจากนั้นขั้นตอนต่างๆจะเช่นเดียวกับในข้อ ก.
ทั้งนี้ การใช้ฮอร์โมน และ/หรือ ยาเคมีบำบัด แพทย์อาจใช้ยาตัวเดิมที่ผู้ป่วยเคยได้รับการรักษาไปแล้ว หรือเปลี่ยนเป็นยาตัวใหม่ ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยต่างๆที่เป็นตัวบอกว่า มะเร็งที่เกิดเป็นซ้ำนั้น ดื้อต่อยาเหล่านั้นหรือเปล่า เช่น การเกิดมะเร็งเป็นซ้ำเกิดนานเท่าไรหลังได้รับยาเหล่านั้น เป็นต้น ซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาตัวยาเป็นแต่ละกรณีผู้ป่วย
อนึ่ง การพยากรณ์โรคของผู้ป่วยกลุ่มนี้ มักอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง