คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน การผ่าตัดมะเร็งมดลูกด้วยหุ่นยนต์

คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง

การรักษาหลักของมะเร็งมดลูกที่รวมถึงมะเร็งปากมดลูกในโรคระยะต้นๆ คือ การผ่าตัดชนิดถอนรากถอนโคน(Radical surgery) คือการผ่าตัดเอามดลูก ท่อนนำไข่ รังไข่ เนื้อเยื่อรอบๆมดลูก และต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกรานออกหมดทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ซึ่งโดยทั่วไป วิธีผ่าตัดเดิมจะเป็นการผ่าตัดผ่านหน้าท้อง(Laparotomy) แต่ปัจจุบัน มีการผ่าตัดโดยการนำหุ่นยนต์(Robotic surgery)มาใช้ ซึ่งบ้านเรามีการใช้กันเพิ่มขึ้นในการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก

การศึกษานี้ต้องการศึกษาว่า การผ่าตัดมะเร็งมดลูกด้วยหุ่นยนต์ แตกต่างกันในด้าน ค่าใช้จ่าย และในผลข้างเคียง กับการผ่าตัดวิธีเดิมอย่างไร

การศึกษานี้ตีพิมพ์ล่วงหน้าทางอินเทอร์เน็ต เมื่อ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 จากวารสารการแพทย์ชื่อ American Journal of Obstetrics & Gynecology โดยคณะแพทย์จาก McGill University ประเทศ แคนาดา คณะแพทย์นำโดย นพ. Andrew Zakhari

โดยเป็นการศึกษาที่ใช้ข้อมูลที่ได้จาก Nationalwide inpatient Sample ช่วงปี ค.ศ. 2007-2012 ทั้งนี้มีผู้ป่วยมะเร็งมดลูกที่มีข้อมูลนำมาศึกษาได้ทั้งหมด 10,347 ราย ผ่าตัดหน้าท้องวิธีเดิม 39% และผ่าตัดโดยหุ่มยนต์ 61% ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ผ่าตัดโดยหุ่นยนต์เป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว และอ้วน มากกว่าผู้ป่วยที่ผ่าตัดวิธีดั่งเดิม

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์มีระยะเวลาอยู่ในโรงพยาบาลสั้นกว่าผู้ป่วยผ่าตัดวิธีเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.0001) และพบผลข้างเคียงจากการผ่าตัดทั้ง 2 วิธีไม่แตกต่างกัน 20.56% ในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ vs 21% ในการผ่าตัดวิธีเดิม ค่าใช้จ่ายด้วยการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ เฉลี่ยคือ $38,161 ส่วนวิธีเดิมคือ $31,476 ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p< 0.0001)

คณะผู้ศึกษาสรุปผลการศึกษาว่า ทั้งๆที่ผู้ป่วยกลุ่มผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์มีโรคประจำตัวสูงกว่า แต่ผลข้าเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาก็เช่นเดียวกับการผ่าตัดวิธีเดิม รวมไปถึงระยะเวลาอยู่ในโรงพยาบาลก็ยังสั้นกว่า แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าประมาณ 20%

ปัจจุบัน ทั่วโลก เทคนิคการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์เป็นที่นิยมแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทย ผู้เขียนยังไม่พบรายงานการศึกษาการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ในมะเร็งมดลูก แต่รายงานการผ่าตัดในมะเร็งต่อมลูกหมากให้ผลเช่นเดียวกับการศึกษานี้ โดยค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์สูงกว่าประมาณ 20-30%

บรรณานุกรม

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25660506 [2016,June18].