คุมยา ยาคุม (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 9 ตุลาคม 2558
- Tweet
นอกจากนี้ยาคุมอาจมีผลต่อระดับคลอเรสเตอรอลด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของยาคุมและความเข้มข้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือโพรเจสทิน โดยยาคุมที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนที่มากอาจมีผลดีต่อระดับไขมันในเลือดได้เล็กน้อย
หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายได้ เช่น โรคตับ (Liver disease) โรคถุงน้ำดี (Gallbladder disease) โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หลอดเลือดตีบ (Blood clots) ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ
- ปวดช่องท้อง
- เจ็บหน้าอก
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- สายตาพร่ามัว
- ขาบวมหรือปวดขา
ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถกินยาคุมได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี ที่สูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease) ได้ แต่หากไม่ได้สูบบุหรี่ ก็สามารถใช้ยาได้จนถึงวัยหมดประจำเดือน (Menopause) นอกจากนี้ไม่ควรใช้ยาคุมในกรณี
- มีหลอดเลือดตีบที่แขน ขา หรือปอด
- เป็นโรคหัวใจหรือโรคตับที่ร้ายแรง
- เป็นมะเร็งที่เต้านมหรือมดลูก
- มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
- เป็นไมเกรนที่เห็นแสง (Migraines with aura)
ทั้งนี้ ยาบางชนิดอาจลดประสิทธิภาพของยาคุมได้ เช่น ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ยาที่ใช้รักษาโรคชัก (Antiseizure meds)
ส่วนการหยุดกินยาคุมสามารถทำได้ทุกเมื่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเลือดออกทางช่องคลอด และอาจจะทำให้รอบเดือนเปลี่ยนไป
ทั้งนี้ มีรายงานวิจัยที่เสนอแนะว่าการใช้ยาคุมในระยะเวลาที่นานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้ เช่น มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) และ มะเร็งตับ (Liver cancer)
ในขณะเดียวกันก็อาจลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer) และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial cancer)
แหล่งข้อมูล
1. Birth Control Pills. http://www.webmd.com/sex/birth-control/birth-control-pills [2015, October 8].
2. Birth control pill FAQ: Benefits, risks and choices. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/birth-control/in-depth/birth-control-pill/art-20045136 [2015, October 8].