คราบร้ายในช่องปาก (ตอนที่ 1)

คราบร้ายในช่องปาก-1

      

      สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ แนะประชาชนหมั่นดูแลรักษาสุขภาพฟันป้องกันการเกิดคราบหินปูน ที่นำไปสู่โรคในช่องปากอื่นๆ โดยพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันทุก 6 เดือน แปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน

      นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “คราบหินปูน” หรือ “หินน้ำลาย” ก่อให้เกิดปัญหาโรคในช่องปากที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ความจริงอาจนำไปสู่ปัญหาช่องปากอื่นๆ

      ซึ่งคราบหินปูนเกิดจากคราบจุลินทรีย์หรือขี้ฟันที่สะสมและจับกับเชื้อโรคจนกระทั่งตกตะกอนกลายเป็นของแข็ง เกาะอยู่บนผิวฟัน ซอกเหงือก ซอกฟัน และขอบฟัน เมื่อคราบหินปูนก่อตัวขึ้นในช่องปากแล้วจะไม่สามารถนำออกเองได้ ต้องไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนออก

      โดยปัญหาที่เกิดจากคราบหินปูน ได้แก่ เลือดออกขณะแปรงฟัน ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น โรคปริทันต์ ฟันโยก ฟันห่าง และฟันผุได้ ดังนั้นปัญหาคราบหินปูนจึงเป็นปัญหาช่องปากที่ควรได้รับการดูแลจากทันตแพทย์ตามความเหมาะสม

      ด้านทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คราบหินปูนคือ คราบแบคทีเรียที่สะสมจนแข็งตามตัวฟันหรืออาจจับตัวที่ร่องเหงือก เกิดจากการก่อตัวของน้ำลายและเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามตัวฟัน นำไปสู่โรคที่เกิดกับช่องปาก

      ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ทันตแพทย์จะทำการรักษาโดยขูดหินปูน ซึ่งสำหรับช่วงอายุที่สามารถเข้ารับการขูดหินปูนได้นั้นไม่ได้มีการกำหนดตายตัว อาศัยการตรวจสุขภาพช่องปาก หากถึงเวลาที่ควรได้รับการขูดหินปูนทันตแพทย์จะให้คำแนะนำความถี่ที่เหมาะสมในการขูดหินปูน

      สำหรับคนทั่วไปที่มีอาการเหงือกอักเสบเพียงเล็กน้อยควรขูดหินปูนทุก 6 เดือน แต่ถ้าหากมีอาการของร่องลึกปริทันต์ด้วยควรได้รับการขูดหินปูนทุก 3-4 เดือน

      ในการขูดหินปูน ทันตแพทย์จะใช้เครื่องขูดหินปูนทำการกระเทาะเอาตัวหินปูนออกจากผิวฟัน ซึ่งจะไม่ได้ขูดที่ผิวฟันโดยตรง ส่วนอาการเสียวฟันขณะขูดหินปูนอาจเกิดเล็กน้อย เว้นแต่บางกรณีที่ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกเสียวมากทันตแพทย์ก็จะใส่ยาชาให้

      สำหรับการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดคราบหินปูน ควรแปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ หากไม่สามารถทำได้ให้บ้วนปากแทน ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน ตลอดจนควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน

      

แหล่งข้อมูล:

  1. กรมการแพทย์แนะดูแลช่องปากป้องกันคราบหินปูนทำร้ายสุขภาพเหงือกและฟัน. http://www.dms.moph.go.th/dms2559/prnews_all.php [2018, January 27].