ขูดมดลูก เรื่องเฉพาะของผู้หญิง (ตอนที่ 2 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 25 พฤศจิกายน 2558
- Tweet
สำหรับขั้นตอนการขูดมดลูกนั้น ส่วนใหญ่จะมีการวางยาสลบ (Anesthesia) โดย
- คนไข้นอนบนเตียงที่มีขาหยั่ง (Stirrups)
- แพทย์จะสอดอุปกรณ์เครื่องถ่าง (Speculum) เข้าไปในช่องคลอด เพื่อดูปากมดลูก
- แพทย์จะขยายปากมดลูกอีกด้วยแท่งโลหะขนาดเล็กจนปากมดลูกเปิดพอสมควร
- หลังจากนั้นแพทย์จะเอาแท่งโลหะออกแล้วใส่เครื่องมือขูด (Curette) ซึ่งเป็นห่วงโลหะเล็กๆ มีด้ามสัมผัสขูดเอาเซลล์บุโพรงมดลูก และนำเนื้อเยื่อชิ้นเล็กๆ ที่ขูดได้ ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
ทั้งนี้ การขูดมดลูกอาจใช้การนำทางโดยเครื่องอัลตร้าซาวด์หรือกล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (Hysteroscope) ทำให้แพทย์มองเห็นภายในโพรงมดลูก แทนวิธีอย่างเก่าที่มองไม่เห็นภายใน (Blind D&C) และใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที และหลังขูดมดลูก 1-2 ชั่วโมง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนสามารถกลับบ้านได้
การเตรียมตัวเมื่อต้องไปขูดมดลูก
- งดน้ำและอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนหรือประมาณ 8-12 ชั่วโมง
- ควรนำญาติหรือเพื่อนมาด้วย เพราะหลังจากขูดมดลูกแล้วผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลียและมึนงง
- ควรแจ้งแพทย์ถึงโรคประจำตัวต่างๆ ประวัติการแพ้ยา และ ยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
- เตรียมผ้าอนามัยไปใส่หลังจากขูดมดลูกเสร็จเพราะจะมีเลือดออกจากทางช่องคลอด
ข้อควรปฏิบัติหลังจากการขูดมดลูก
- หลังการขูดมดลูกแล้ว ควรจะพักผ่อน 1-2 วัน เพราะร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ และไม่ควรทำงานหนักประมาณ 2 สัปดาห์
- ไม่ควรสอดอะไรเข้าในช่องคลอดจนกว่าปากมดลูกจะกลับสู่สภาพปกติ ทั้งนี้เพื่อเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าไปในมดลูกจนเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อ
- เว้นการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์เพราะมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
- รักษาความสะอาด และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ อย่าสวนช่องคลอดโดยเด็ดขาด
- ถ้ามีอาการปวดสามารถทานยาแก้ปวดได้ตามที่แพทย์สั่ง
ทั้งนี้ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ให้ไปพบแพทย์ทันที
- มีเลือดออกมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง
- มีเลือดออกเล็กน้อยแต่กินเวลานานมากกว่า 2 สัปดาห์
- เป็นไข้
- ปวดช่องท้อง (Cramps) นานมากกว่า 48 ชั่วโมง
- แทนที่จะปวดน้อยลง กลับปวดมากขึ้น
- มีกลิ่นเหม็นเน่าออกจากช่องคลอด
แหล่งข้อมูล
1. Dilation and curettage (D&C).http://www.mayoclinic.org/tests-procedures/dilation-and-curettage/basics/definition/prc-20013836[2015, November 24].
2. Diagnostic Dilation and Curettage. http://emedicine.medscape.com/article/1848239-overview[2015, November 24].