ขาดน้ำเหมือนขาดใจ (ตอนที่ 3)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 1 เมษายน 2559
- Tweet
ทุกคนมีโอกาสในการเกิดภาวะขาดน้ำได้ แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงมาก ได้แก่
- ทารกและเด็ก
- ผู้สูงวัย – เพราะความสามารถในการรักษาน้ำในร่างกายลดลง ความรับรู้ในการกระหายน้ำน้อยลง มักลืมกินหรือดื่มน้ำ
- ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง – เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ การเป็นหวัดหรือเจ็บคอทำให้ไม่อยากกินหรือดื่มขณะป่วย
- กีฬาที่ใช้ความทนทาน (Endurance Athletes) เช่น ไตรกีฬา (Triathlons - เป็นการเล่นกีฬาที่รวมเอาการว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และวิ่งเข้าด้วยกัน) การปีนเขา เพราะการใช้ระยะเวลาออกกำลังกายที่นานก็ทำให้โอกาสขาดน้ำมีสูงกว่า
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่สูง (High altitudes - เกินกว่า 8,200 ฟุต หรือประมาณ 2,500 เมตร) เพราะร่างกายจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับระดับความสูงด้วยการปัสสาวะมากขึ้นและหายใจเร็วขึ้น และยิ่งหายใจเร็วเพื่อคงระดับออกซิเจนในเลือด น้ำก็จะยิ่งระเหยมากขึ้นขณะหายใจออก
- ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศร้อน
อาการของภาวะขาดน้ำมีหลายระดับ ได้แก่
อาการระดับอ่อนถึงระดับปานกลางซึ่งมักทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- กระสับกระส่าย (Restlessness) และหงุดหงิด (Irritability)
- ปากแห้ง
- เหนื่อยอ่อนเพลีย (เด็กมักจะไม่กระฉับกระเฉงเหมือนปกติ)
- กระหายน้ำ
- ปัสสาวะน้อย
- ผิวแห้ง ไม่ยืดหยุ่น
- ปวดศีรษะ
- ท้องผูก
- เวียนศีรษะ
อาการรุนแรงจะทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- หิวน้ำมาก
- ปากและผิวหนังแห้งมาก
- ปัสสาวะน้อย มีสีเข้ม หรือไม่มีปัสสาวะ
- นัยน์ตาลึก (Sunken eyes)
- ความดันโลหิตต่ำ
- หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจเร็ว
- เป็นไข้
- ในทารก กระหม่อมจะยุบ ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
- ในรายที่เป็นหนัก จะเพ้อ (Delirium) หรือหมดสติ (Unconsciousness)
แหล่งข้อมูล
1. Dehydration. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dehydration/basics/definition/con-20030056 [2016, March 31].
2. Rehydration Therapy. . http://www.cdc.gov/cholera/treatment/rehydration-therapy.html [2016, March 31].