การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy)

บทความที่เกี่ยวข้อง

การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น

 การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น (Gastroscopy) เป็นวิธีการตรวจวิธีหนึ่งซึ่งทำให้เราสามารถทำการวินิจฉัยโรคของหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำ ไส้เล็กส่วนต้น ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำถูกต้องมากที่สุด เป็นการตรวจด้วยวิธีการอันทันสมัยวิธีหนึ่งในปัจจุบัน

ข้อบ่งชี้ของการตรวจ:

 โดยทั่วไปแล้วโดยการตรวจวิธีนี้จะตรวจเมื่อมีความจำเป็นจริงๆเนื่องจากเป็นการตรวจด้วยวิธีพิเศษด้วยเครื่องมือพิเศษ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบทางเดินอาหารและตับจะสามารถแยกแยะความจำเป็นในการตรวจ/หาข้อบ่งชี้ในการตรวจได้ดังต่อไปนี้

  • จุกแน่นใต้ลิ้นปี่ เสียดท้อง เป็นประจำ
  • ปวดแสบท้องทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง
  • จุกแน่น จุกเสียดท้อง และมีลมในท้อง เป็นประจำ 
  • กลืนลำบาก กลืนอาหารแล้วเจ็บ
  • มีสิ่งของภายนอกติดอยู่ในหลอดอาหารจากการกลืนเข้าไป
  • น้ำหนักตัวลดลง  เบื่ออาหาร ที่แพทย์สงสัยสงสัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะอาหาร  
  • มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นประจำ
  • มีภาวะซีด/ โรคซีด ที่ไม่ปรากฏว่ามีเลือดออกให้เห็นชัดเจน เช่น ไม่ใช่เสียเลือดจากแผลอุบัติเหตุ
  • อาเจียนเป็นเลือด  
  • ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำลักษณะเหมือนยางมะตอย
  • การตรวจคัดกรองในผู้ป่วยปกติที่มีญาติเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือผู้ป่วยที่มีอายุมากเกินกว่า 50 ปี

*****หมายเหตุ: การตรวจวิธีการนี้ต้องมีความจำเป็นและต้องตรวจตามความเห็นของแพทย์ที่เชี่ยวชาญในระบบทางเดินอาหาร

ขั้นตอนในการตรวจ:

ผู้ป่วยจะต้อง

  • งดอาหารและน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนตรวจ
  • ก่อนทำการตรวจ แพทย์จะต้องประเมินว่ามีความเสียง/ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงอะ ไรที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยในขณะทำการตรวจ และทำการป้องกันไม่ให้มีการเกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆ
  • อาจจะต้องมีการงดรับประทานยาบางอย่างก่อนทำการตรวจ เพราะฉะนั้นผู้ป่วยจะต้องแจ้งแพทย์พยาบาลถึงภาวะโรคดั่งเดิม/โรคประจำตัวที่มีอยู่ ยาต่างๆที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ให้แพทย์ทราบเพื่อประเมินและดูแลให้เหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยได้รับการเตรียมตัวอย่างถูกต้อง โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจะน้อยมากๆ

อนึ่ง เมื่อถึงเวลาตรวจ จะมีการพ่นยาชาเฉพาะที่เข้าไปในช่องปากและในลำคอ ตามด้วยการฉีดยานอนหลับให้ผู้ป่วยได้รับหลับพักผ่อน จากนั้นแพทย์ก็จะใส่กล้องตรวจฯทางช่องปากผู้ ป่วย เข้าไปตรวจดูภาพภายในอวัยวะต่างๆคือ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น

โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาตรวจประมาณ 10 - 15 นาที นอกจากนั้นในการตรวจวิธีนี้ใน ขณะที่ทำการตรวจ สามารถที่จะเก็บ/การตัดชิ้นเนื้อจากเนื้อเยื่อและการเก็บสารคัดหลั่งต่างๆภายในอวัยวะนั้นๆ เพื่อทำการตรวจทางพยาธิวิทยาและ/หรือส่งตรวจทางเคมีวิทยา (การตรวจทางห้องปฏิบัติการ) หรือว่าจะพ่นสีย้อมที่ผนังภายในอวัยวะนั้นๆทำให้แพทย์มองเห็นพยาธิสภาพชัดเจนขึ้น แพทย์สามารถที่จะใช้เลเซอร์ยิงเพื่อห้ามเลือดหรือการใช้คลิปหนีบเพื่อหยุดเลือดออกหากเนื้อเยื่อนั้นๆมีจุดเลือดออก หรือการฉีดยาหลายๆชนิดภายในกระเพาะอาหารและลำไส้เพื่อห้ามเลือด หรือเพื่อผลทางด้านอื่น (เช่น ลดการอักเสบ) และผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยในขณะตรวจ

หลังจากทำการตรวจเสร็จแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลและนอนพักฟื้นในห้องเฉพาะการพักฟื้นอยู่ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง เมื่อผู้ป่วยฟื้นตัวได้ปกติ แพทย์จะอนุญาตให้ผู้ป่วยออกมาจากห้องพักฟื้น รับประทานอาหาร ใช้ชีวิตตามปกติได้

ผลการตรวจในเบื้องต้น แพทย์จะแจ้งให้ผู้ป่วยทราบได้ทันทีจากการตรวจด้วยตาของแพทย์ ส่วนผลการตรวจทางด้านพยาธิวิทยาหรือด้านเคมีวิทยา ผู้ป่วยก็จะทราบได้ภายใน 1 ถึง 2 วัน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการตรวจวิธีนี้สามารถทำการตรวจและรักษาโรคของหลอดอาหาร กระ เพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ได้หลากหลาย ด้วยเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ได้ผลการตรวจที่แน่นอนโดยไม่ได้มีความเจ็บปวดหรือทรมานใดๆเกิดขึ้นกับผู้ป่วย และผู้ป่วยจะเป็นผู้ป่วยนอก ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล

ภาวะแทรกซ้อน:

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้จากการตรวจวิธีนี้ เช่น

  • การสำลักน้ำลายหรือการสำลักของสารน้ำจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ปอด ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมากถ้าผู้ป่วยมีการเตรียมตัวถูกต้องตามหลักวิชาการ
  • ภาวะเลือดออกเนื่องจากการตัดชิ้นเนื้อภายในอวัยวะต่างๆที่ตรวจเช่น กระเพาะอาหาร ก็จะเกิดขึ้นน้อยมากๆเช่นกัน ซึ่งหากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น แพทย์ที่ตรวจอยู่ จะรีบจัดการให้การรักษาได้เรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว

สรุป

การตรวจส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นเป็นการตรวจที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง รวดเร็วแม่นยำ ไม่เจ็บปวด โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมากๆครับ