สำนักงานโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) รายงานถึงจำนวนผู้ตายด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับเอดส์ทั่วโลกลดลงมา 25% ระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึงปี พ.ศ. 2554 และการลดลงมากว่า 50% ของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ใหม่ 25 ประเทศ ประเทศเหล่านี้เข้าใกล้ 1,000 วันเส้นตาย (Deadline) ของการบรรลุเป้าหมายทั่วโลกของโรคเอดส์ (AIDS) กล่าวคือให้ทั่วโลกเข้าถึงการป้องกัน รักษา ดูแล โรคเอดส์ ได้ภายในปี พ.ศ.2558
ในบางประเทศที่ความชุกของโรคมีมากที่สุดก็ได้แสดงยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงจากปี พ.ศ. 2544 อย่างเห็นได้ชัด เช่น สาธารณรัฐมาลาวี (Malawi) ลดลงร้อยละ 73 สาธารณรัฐบอตสวานา (Botswana) ลดลงร้อยละ 71 สาธารณรัฐนามิเบีย (Namibia) ลดลงร้อยละ 68 สาธารณรัฐแซมเบีย (Zambia) ลดลงร้อยละ 58 สาธารณรัฐซิมบับเว (Zimbabwe) ลดลงร้อยละ 50 และในแอฟริกาใต้และราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ (Swaziland) ลดลงร้อยละ 41
ผู้ติดเชื้อเฮชไอวีอาจไม่แสดงอาการปรากฏให้เห็นเป็นเวลานาน 10 ปี หรือมากกว่านั้น แต่ยังสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ในระหว่างที่ไม่อาการปรากฏนี้ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา ระบบภูมิต้านทาน (Immune system) จะค่อยๆ อ่อนตัวลงและจะพัฒนาขึ้นเป็นโรคเอดส์
คนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์นั้น ระบบภูมิต้านทานจะถูกทำลายโดยเชื้อเฮชไอวี โดยมีอาการทั่วไปดังนี้
การทดสอบว่าเป็นโรคเอดส์หรือไม่ จะใช้วิธีทดสอบเซลล์ CD4 ซึ่งเป็นทีเซลล์ (T-cell) ชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกกันว่า "Helper cells" ซึ่งเป็นเซลล์ของระบบภูมิต้านทาน หากจำนวนเซลล์ CD4 ต่ำกว่า 200 เซลล์/ลูกบาศ์กมิลลิเมตร (mm3) และผลการตรวจเชื้อเฮชไอวีเป็นบวก (HIV-positive) ก็ถือว่าเป็นโรคเอดส์
[คนปกติโดยทั่วไปจะมี CD4 อยู่ที่ 500 - 1,200 เซลล์ต่อลูกบาศ์กมิลลิเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของสุขภาพ] การป้องกันการติดเชื้อเฮชไอวีหรือโรคเอดส์ทำได้โดย
แหล่งข้อมูล: