การดูแลตนเองเมื่อฉายรังสีบริเวณสมอง

สารบัญ

ทั่วไป

การฉายรังสี/ฉายแสง ( รังสีรักษา ) บริเวณสมอง อาจจะฉายเฉพาะตำแหน่งบริเวณที่เป็นโรค หรือฉายรังสีครอบคลุมทั้งสมอง ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง ความรุนแรงของโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย นอกจากนั้น ปริมาณรังสีที่ใช้ก็จะแตกต่างกันด้วยตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายที่แพทย์รังสีรักษาเห็นควร

มีผลข้างเคียงอะไรบ้างระหว่างฉายรังสีรักษาบริเวณสมอง? และ ดูแลอย่างไร?

ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) ที่พบได้ในระหว่างการฉายรังสีบริเวณสมอง ได้แก่

  • ภาวะเนื้อสมองบวม อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และอาจเป็นมากจนทำให้ผู้ป่วยซึมลงได้ ซึ่งแพทย์รังสีรักษา อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนเทคนิคของการฉายรังสีในผู้ป่วยบางรายเพื่อลดภาวะสมองบวม นอกจากนั้นอาจพิจารณาให้ยาลดบวมทั้งแบบยากิน หรือยาฉีด
  • มีอาการชักได้ หากผู้ป่วยได้รับยากันชักกินอยู่ก่อนที่จะทำการฉายรังสี ควรนำมาให้แพทย์รังสีรักษาดูก่อนเริ่มฉายรังสีว่า สามารถกินต่อไประหว่างฉายรังสีได้หรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่นั้นแพทย์รังสีรักษามักจะให้ผู้ป่วยกินต่อไปได้ แต่ถ้าไม่เคยมีอาการชักมาก่อนก็ไม่จำเป็นต้องกินยาป้องกันอาการชัก แพทย์รังสีรักษาจะเริ่มให้ยากันชักทันทีหากผู้ป่วยมีอาการชักที่มีสาเหตุมาจากโรคในเนื้อสมอง (ถ้ายังไม่ได้ยามาก่อน) และยากันชักที่ผู้ป่วยเริ่มกินแล้ว (ไม่ว่าจากแพทย์ท่านใด) มักต้องกินต่อเนื่องไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการชักขึ้นมาอีก เพราะอาการชัก มักเป็นอาการเกิดจากโรค น้อยครั้งที่เกิดจากรังสีรักษา
  • ผมร่วงได้ในบริเวณที่มีลำรังสีผ่าน คือ ถ้าฉายรังสีเฉพาะส่วนที่เป็นโรค ผมก็จะร่วงในบริเวณนั้นเท่านั้น แต่ถ้าฉายรังสีทั้งศีรษะผมก็จะร่วงได้ทั้งศีรษะ
  • การเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะ โดยจะเปลี่ยนแปลง และมีวิธี ดูแลรักษาเหมือนกับผิวหนังในส่วนได้รับรังสี ( การดูแลผิวหนัง และผลข้างเคียงต่อผิวหนังบริเวณฉายรังสีรักษา ) ทั้งนี้เพราะหนังศีรษะ เป็นเนื้อเยื่อเช่นเดียวกับผิวหนัง
  • หากผู้ป่วยมีอาการต่างๆเลวลงในระหว่างฉายรังสีรักษา ซึ่งอาจเกิดจากโรคไม่ตอบสนองต่อการรักษา หรือจากสาเหตุใดก็ตาม แพทย์รังสีรักษาอาจพิจารณาพัก หรือหยุดการฉายรังสี แล้วแต่ความเหมาะสม
  • นอกจากนั้นผู้ป่วยไม่ควรขับรถทุกประเภท หรือเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย จากการชัก หรือ การสับสน มึนงง วิงเวียน (เกิดจากเนื้องอก/มะเร็งสมอง)
  • ผู้ป่วยควรมารับการรักษาให้ครบตามที่แพทย์รังสีกำหนด ไม่ควรหยุดการรักษาก่อนปรึกษาแพทย์
  • หากเป็น หญิงในวัยเจริญพันธุ์ ผู้ป่วยควรคุมกำเนิดทั้งในระหว่างฉายรังสี จนกระทั่งฉายรังสีครบ รวมไปถึงจนกว่าสุขภาพร่างกาย แข็งแรง สมบูรณ์ และไม่มีโรคมะเร็งย้อนคืนกลับมาแล้ว ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์รังสีรักษาก่อนการตั้งครรภ์ เพราะหากต้องทำการรักษาในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกพิการ หรือเสียชีวิตได้
  • หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติในระหว่างที่ฉายรังสีอยู่ เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก และไม่สามารถบรรเทาปวดด้วยยาแก้ปวดธรรมดาได้ ( กลุ่มยาแก้ปวด และยาพาราเซตามอล ) มีอาการชัก หรือซึมลง ให้ผู้ป่วยรีบ พบแพทย์รังสีรักษาก่อนนัด หรือถ้าเป็นในช่วงที่ไม่สามารถพบแพทย์รังสีรักษาได้ ให้รีบ พบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นก่อน

มีผลข้างเคียงอะไรบ้างเมื่อฉายรังสีรักษาบริเวณสมองครบแล้ว? และดูแลอย่างไร?

ผลข้างเคียงภายหลังครบรังสีบริเวณสมองไปแล้ว หรือ เรียกว่า ผลข้างเคียงระยะยาว ได้แก่

  • เส้นผมในบริเวณที่ฉายรังสีปริมาณไม่สูง (น้อยกว่า 3,000-4,000 หน่วย) จะสามารถขึ้นใหม่ได้และจะเหมือนผมเดิมทุกประการ แต่เมื่อได้รังสีสูงกว่านี้ เส้นผมที่ขึ้นใหม่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น เส้นผมมีขนาดเล็กลง ผมบาง สีอ่อนลง หงอกขาว หรือ อาจไม่ขึ้นเลย
  • ความจำอาจลดลง ทำให้การตัดสินใจอาจผิดไปจากเดิมได้ (เกิดทั้งจากตัวโรคเอง และ ร่วมกับการรักษา) ดังนั้นในช่วงที่ผู้ป่วยยังมีความจำและการตัดสินใจที่ดีอยู่นั้น ควรให้ผู้ป่วยตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆให้เรียบร้อยก่อน เช่น การทำพินัยกรรม และการเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆทางกฎหมาย
  • เนื้อสมองอาจเสื่อมสภาพหรือตายได้ อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาต โดยอาจเกิดจากตัวโรคเอง จากการฉายรังสี และจากการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ผ่าตัด ซึ่งพบได้ประมาณ 5-10% ซึ่งการดูแลรักษานั้นแพทย์รังสีรักษาอาจพิจารณาให้ยาเพิ่มเลือดเลี้ยงสมอง ยาลดการทำงานของเกล็ดเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน หรือ อาจพิจารณาผ่าตัดเอาเนื้อสมองในส่วนที่ตายออก
  • ตาบอดได้ หากตำแหน่งโรคของผู้ป่วยอยู่ใกล้ หรืออยู่บริเวณดวงตา หรือเส้นประสาทตา ซึ่งอาจเกิดจาก ตัวโรคเอง การฉายรังสี และ การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ผ่าตัด
  • มีอาการชักได้ ซึ่งอาจเกิดจาก ตัวโรคเอง การฉายรังสี การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ผ่าตัด หรือปัญหาอื่นๆทางอายุรกรรม เช่น มีเกลือแร่ในร่างกายเสียสมดุล แต่ส่วนใหญ่ มักเกิดจากตัวโรคเอง
  • มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดที่สองได้ประมาณ 10-15% หากผู้ป่วยอยู่รอดได้นาน (ส่วนใหญ่มักนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป)
  • นอกจากนั้นผู้ป่วยควรทำกายภาพฟื้นฟูแขน/ขา สม่ำเสมอ ตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ เพื่อให้ร่างกาย คืนสภาพกลับมาให้ใกล้เคียงปกติได้มากที่สุด และพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งโดยญาติควรมาด้วย เพื่อร่วมปรึกษาในการดูแลรักษาผู้ป่วยร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ควรรีบพบรังสีรักษาแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?

ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติหลังจากให้การรักษาครบแล้ว เช่น แขนขาอ่อนแรงมากขึ้น ปวดศีรษะมากจนไม่สามารถบรรเทาอาการด้วยยาแก้ปวดธรรมดาได้ ( กลุ่มยาแก้ปวด และยาพาราเซตามอล ) มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก มีอาการชัก ซึมลง หรือมีไข้สูง ให้ผู้ป่วยรีบพบแพทย์รังสีรักษาก่อนนัด หรือถ้าเป็นในช่วงที่ไม่สามารถพบแพทย์รังสีรักษาได้ ให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นก่อน