กระเนื้อ (Seborrheic keratosis)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

กระเนื้อ (Seborrheic keratosis) เป็นเนื้องอกชนิดไม่ใช่โรคมะเร็ง เป็นเนื้องอกที่พบบ่อยที่ สุด พบได้ตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นคืออายุประมาณ 15 ปี พบมากขึ้นในผู้สูงอายุ จากรายงานในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ในกลุ่มคนอายุมากกว่า 64 ปี จะพบกระเนื้อได้ 88% ของประชากรกลุ่มที่ทำการสำรวจ โดยเพศไม่มีผลกับอัตราการเกิดกระเนื้อ

กระเนื้อเกิดจากอะไร?

กระเนื้อ

กระเนื้อ เป็นก้อนเนื้องอกของเซลล์ผิวหนัง (Keratinocyte) ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ และ/หรือ ผิวหนังได้รับแสงแดดต่อเนื่อง

กระเนื้อมีอาการอย่างไร?

ลักษณะหรืออาการของกระเนื้อ คือ

  • เป็นก้อนเนื้อ สีน้ำตาล น้ำตาลดำ หรือสีดำ
  • มีขอบเขตก้อนชัดเจน
  • ก้อนเนื้อมีลักษณะ กลม หรือรูปไข่ คล้ายแปะอยู่ที่ผิวหนัง
  • ผิวของก้อนพบได้ทั้ง ผิวเรียบมัน หรือผิวขรุขระ และ
  • ไม่เจ็บ แต่ออกอาการคันได้
  • มักพบกระเนื้อบริเวณนอกร่มผ้า (แต่พบในร่มผ้าก็ได้)
  • ขนาดมักไม่เกิน 3 เซนติเมตร

***อนึ่ง ถ้าก้อนขยายขนาดได้รวดเร็ว และ/หรือ มีลักษณะชวนสงสัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง ต้องรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล และแพทย์จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อ เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อการวินิจฉัยแยกโรคจากมะเร็งผิวหนัง

ซึ่งลักษณะที่อาจเกิดจากมะเร็งผิวหนัง นอกจากก้อนเนื้อโตเร็วแล้ว ยังอาจพบลักษณะอื่นๆร่วมด้วย เช่น

  • เกิดมีแผลที่ก้อน
  • มีเลือดออกที่ก้อน/ที่แผล
  • ขอบเขตก้อนไม่เรียบ มีลักษณะการลุกลามเข้าผิวหนังส่วนข้างเคียง

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?

เมื่อสังเกตพบว่ารอยโรค/ก้อนเนื้อโตขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าช่วงที่ผ่านมา มีอาการเจ็บ มีแผล หรือรูปร่างของรอยโรคผิดแปลกจากเดิม (เช่น มีแผล ขอบก้อนเนื้อไม่เรียบ และ/หรือ มีเลือดออกที่ก้อนเนื้อ) แนะนำให้รีบมาพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อแยกโรคจากเนื้องอกผิวหนังชนิดอื่นๆและ/หรือมะเร็งผิวหนัง

แพทย์วินิจฉัยกระเนื้อได้อย่างไร?

โดยทั่วไป แพทย์สามารถวินิจฉัยกระเนื้อ ได้จาก

  • การสอบถามประวัติอาการต่างๆ
  • การตรวจดูรอยโรค/ลักษณะก้อนเนื้อ
  • การตรวจร่างกาย
  • แต่หากแพทย์มีข้อสงสัยที่แยกได้ยากจากเนื้องอกผิวหนังชนิดอื่นๆหรือจากมะเร็งผิวหนัง แพทย์ต้องอาศัยผลการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาประกอบด้วย

แพทย์รักษากระเนื้อได้อย่างไร?

โดยทั่วไป ไม่มีความจำเป็นต้องรักษากำจัดกระเนื้อออก แต่หากเป็นปัญหาด้านความงาม ก็สามารถรักษาได้โดย

  • กรณีที่แพทย์ต้องการส่งตรวจชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา จากกระเนื้อ แพทย์จะทำการตัดก้อนกระเนื้อออกด้วยมีดผ่าตัดหรือมีดโกนผ่าตัด
  • หากแพทย์ไม่ต้องการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา แพทย์สามารถกำจัดกระเนื้อออกได้โดยการใช้
    • เลเซอร์
    • การจี้กระเนื้อด้วยความเย็น (Cryotherapy) หรือ
    • การขูดกระเนื้อออกด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Curettage

ทั้งนี้ โดยทั่วไปสามารถกำจัดกระเนื้อออกได้หมดในการรักษาครั้งเดียว

กระเนื้อก่อผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

โดยตัวโรคกระเนื้อไม่ก่อผลข้างเคียง แต่อาจมีผลข้างเคียงจากการรักษา แต่ก็พบได้น้อย เช่น รอยดำหลังผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการรักษา หรือเกิดแผลเป็น

กระเนื้อมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

การพยากรณ์โรคของกระเนื้อ คือ

  • เป็นโรคที่ไม่รุนแรง
  • ไม่ก่ออาการ
  • ไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งผิวหนัง แต่
  • เป็นภาวะที่ไม่หาย และ
  • จำนวนของกระเนื้อมักเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเกิดกระเนื้อ?

เมื่อเป็นกระเนื้อ สามารถดูแลตนเองได้ตามปกติทั้งนี้รวมถึงในการอาบน้ำ และการใช้โลชันบำรุงผิว แต่ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรอยโรคเป็นประจำ ดังที่ได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ การพบแพทย์ฯ’

ป้องกันเกิดกระเนื้ออย่างไร?

เนื่องจากสาเหตุของกระเนื้อ ไม่เป็นที่ทราบชัดเจน แต่อาจเกี่ยวข้องกับแสงแดด การป้อง กันผิวไม่ให้ได้รับแสงแดดจัดหรือได้รับแสงแดดต่อเนื่อง จึงอาจมีผลพลอยได้ในการป้องกันกระเนื้อได้

บรรณานุกรม

1. ปรียา กุลละวณิชย์, ประวิตร พิศาลบุตร . Dermatology 2020.พิมพ์ครั้งที่ 1.บริษัท โฮลิสติก พับลิชิ่ง จำกัด
2. Lowell A.Goldsmith,Stephen I.Katz,BarbaraA.Gilchrest,Amy S.Paller,David J.Leffell,Klaus Wolff.Fitzpatrick Dermatology in general medicine .eight edition.McGraw hill
3. seborrheic keratosis ,http://emedicine.medscape.com/article/1059477-overview#showall [2020,Sept26]