กฎหมายฐานข้อมูล ศูนย์ป้องกันยาเสพติด (ตอนที่ 3)

การปฏิบัติตามโครงการเฝ้าระวังการสั่งจ่ายยา (Prescription Monitoring Program : PMP) ในสหรัฐอเมริกากลายเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาสำหรับแพทย์บางท่าน ในกรณีผู้ป่วยใหม่ เช่นเดียวกับการวัดความดัน แต่ตัวโครงการเองก็เป็นที่โต้แย้งกันอยู่ ว่าควรให้เป็นดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษาเอง หรือไม่ ก่อนการสั่จ่ายยาที่อาจทำให้เกิดการเสพติด

แม้ในกรณีที่สรุปได้ว่า แพทย์ควรถูกบังคับ [โดยกฎหมาย] ให้ตรวจสอบฐานข้อมูล ก่อนสั่งจ่ายยา แพทย์บางคนก็หวั่นใจว่า PMP อาจทำลายความไว้วางใจของผู้ป่วย และอาจรบกวนการรักษาความเจ็บปวดที่เป็นจริง หรือเป็นปัญหา ในกรณีแพทย์จำต้องสั่งยาแก้ปวดจำนวนมาก

แพทย์บางส่วนจึงได้คัดค้านการยื่นเสนอการบังคับใช้กฎหมายเหนือการจัดการด้านสุขภาพ และสนับสนุนความเป็นส่วนตัว (Privacy) ซึ่งสมาคมแพทย์เคนตักกี้ (Kentucky Medical Association) ได้เคยต่อสู้จนสำเร็จมาแล้วในการต่อต้านการยอมให้สำนักกฎหมายของรัฐบาลกลางเข้าถึงฐานข้อมูลของรัฐเคนตักกี้

ปัจจุบัน น้อยกว่า 1 ใน 3 ของแพทย์ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายยา ในรัฐเคนตักกี้ จัดทำบัญชีร่วมกับโครงการ PMP ของรัฐ แต่กฎหมายใหม่ ซึ่งจะมีผลวันที่ 12 กรกฎาคม ศกนี้ จะกำหนดให้ใช้โครงการPMP กับผู้ป่วยใหม่ที่ต้องได้รับยาบางชนิด รัฐอื่นๆ อีก 9 รัฐ ก็ผ่านกฎหมายที่กำหนดให้แพทย์เข้าร่วมโครงการ PMP ในสถานการณ์เฉพาะที่ระบุไว้

การบังคับใช้กฎหมายขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการการแพทย์ของแต่ละรัฐ และระบบการทำงานของแต่ละรัฐ ซึ่งก็หลากหลายแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะอนุญาตให้แพทย์และเภสัชกร เข้าถึงข้อมูลของรัฐที่อยู่ใกล้เคียงได้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขับรถข้ามรัฐ เพื่อหาแพทย์ในรัฐใกล้เคียงช่วยสั่งยาให้

ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า ประกอบกับการผลักดันของคณะกรรมการสมาคมยาแห่งชาติ (National Association of the Boards of Pharmacy) จะช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลระหว่างรัฐ ในขณะเดียวกันแพทย์และเภสัชกรที่สงสัยว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการยักย้ายถ่ายเท (Diversion) ยาที่ได้รับไปใช้ในทางผิดวัตถุประสงค์ ก็ควรแจ้งตำรวจทันที

อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของเวลา โดยที่รัฐพยายามที่จะเพิ่มความรวดเร็วของฐานข้อมูล จนกระทั่งแพทย์สามารถได้รับทราบข้อมูลขณะที่ผู้ป่วยยังอยู่ในสถานพยาบาล ดังนั้น 12 รัฐอนุญาตให้แพทย์สามารถมอบอำนาจการดูข้อมูลนี้ให้แก่ผู้ช่วยได้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการตรวจสอบได้ทันท่วงทีและสั่งจ่ ายยาได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพขึ้น

หลายรัฐอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย สามารถเข้าถึงระบบได้ ในเหตุการณ์เฉพาะที่จำกัด และในกรณีที่อยู่ภายใต้การสืบสวนสอบสวนเพื่อการรายงานผล PMP อย่างไรก็ตาม แพทย์ต้องจัดแจงความสมดุลระหว่างการรักษาผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาบรรเทาปวดจริงๆ กับการไม่ปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นได้ยาแก้ปวดที่รุนแรงไป

จอห์น เบอร์ค ประธานคณะกรรมการสมาคมยาแห่งชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมงานสืบสวนสอบสวนดังกล่าวในรัฐโอไฮโอ ได้กล่าวว่า “เราไม่สามารถเลือกชื่อใครก็ได้จากสมุดโทรศัพท์ แล้วรายงานผล PMP ตามอำเภอใจ [แพทย์ต้องใช้วิจารณญาณ ในแต่ละกรณี]”

แหล่งข้อมูล:

  1. Prescribed Opioids : overdoses Not Uncommon. http://www.webmd.com/pain-management/news/20100119/prescribed-opioids-overdoses-not-uncommon# [2012, June 16]
  2. U.S. states crack down on "doctor shopping". http://www.healthnews.com/en/news/US-states-crack-down-on-doctor-shopping/3NJ7zJvon2KBVFQHiBwZYi/ [2012, June 16]