โปรตีนยับยั้งเชื้อเอดส์ (ตอนที่ 1)

ดร.เดวิด ฮาร์ริช นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยด้านการแพทย์ควีนส์แลนด์ (Queensland Institute of Medical Research) เปิดเผยว่า เขาสามารถดัดแปลงโปรตีนในเชื้อเอชไอวีให้มีความสามารถในการยับยั้งเชื้อโรคได้ โดยโปรตีนดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วมีหน้าที่ในการแพร่กระจายเชื้อไวรัส จะถูกเชื่อมโยงกับเซลล์ภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นเป้าหมายของเชื้อเอชไอวี (โรคภูมิคุ้มกันของมนุษย์บกพร่อง) ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวจะส่งผลให้การแพร่พันธุ์ของไวรัสช้าลงหลังจากคนไข้ติดเชื้อ

สำหรับวิธีการดังกล่าวนี้ ก็คล้ายกับวิธีการใช้ไฟดับไฟ ทำได้ด้วยการนำเชื้อไวรัสเอชไอวีที่มีการเจริญเติบโตตามปกติของผู้ติดเชื้อ มาปรับเปลี่ยนโปรตีนของไวรัสเสียใหม่ จากนั้นก็ใช้โปรตีนจากไวรัสที่ปรับเปลี่ยนนี้เข้าไปในร่างกายผู้ป่วยอีกครั้ง แต่แทนที่มันจะแพร่กระจายเชื้อเอชไอวี มันกลับเข้าไปต่อต้าน ยับยั้งเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมงานของฮาร์ริช ซึ่งตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร Human Gene Therapy เปิดเผยว่า โปรตีนซึ่งได้รับการดัดแปลงแล้วสามารถควบคุมการจำลองตนเองของเชื้อ “นูลล์เบสิก” (Nullbasic) โดยไวรัสนูลล์เบสิกมีคุณสมบัติยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้มากกว่า 8-10 เท่าในเซลล์

เชื้อเฮชไอวี (Human immunodeficiency virus = HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่องหรือที่เรียกกันว่าเป็นโรคเอดส์ (Acquired immunodeficiency syndrome = AIDS) เชื้อไวรัสตัวนี้ไม่เหมือนเชื้อไวรัสอื่น เพราะร่างกายมนุษย์ไม่สามารถทำลายเชื้อเฮชไอวีได้ นั่นหมายความว่า ถ้าคุณติดเชื้อนี้แล้ว เชื้อนี้จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาใดๆ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังศึกษาหาวิธีรักษาอย่างขมักเขม่น เพราะถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องเราก็อาจจะควบคุมเชื้อเฮชไอวีได้ การรักษาเชื้อเฮชไอวีมักใช้วิธีการที่เรียกว่า การรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral therapy = ART) ซึ่งช่วยยืดชีวิตคนออกไปและลดโอกาสที่จะไปติดเชื้อให้คนอื่นได้ โดยก่อนการใช้วิธี ART ในกลางปี พ.ศ.2533 เชื้อไวรัสเอชไอวีจะพัฒนาไปเป็นโรคเอดส์ได้ภายในไม่กี่ปี แต่ในปัจจุบันหากมีการตรวจพบเชื้อก่อน แล้วรีบรักษาก่อนที่เชื้อจะลุกลามไปไกล ก็จะสามารถยืดชีวิตคนให้ใช้ชีวิตได้เกือบเหมือนปกติ

[การรักษามาตรฐานที่เรียกว่า การรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy = ART) ประกอบด้วยยารักษาเอชไอวีสามชนิดหรือมากกว่า อย่าง Antiretrovirals (ARV) หรือ Highly Active Antiretroviral Therapy (HAART) หรือ Combination Antiretroviral Therapy (CART)) โดยยาเหล่านี้ไม่ได้รักษาเชื้อเอชไอวีให้หายขาด แต่มีประสิทธิภาพในการลดจำนวนเชื้อเฮชไอวีที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นในร่างกาย ยาจะช่วยชะลอความเสียหายของระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันความเจ็บป่วย]

เชื้อเฮชไอวีมีผลต่อเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่เรียกว่า CD4 cells หรือ T cells เชื้อเฮชไอวีสามารถทำลายเซลล์เหล่านี้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับโรคได้ และเชื้อเฮชไอวีสามารถที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเอดส์ได้

[CD ย่อมาจากคำว่า Cluster of Differentiation หมายถึง โมเลกุลผิวเซลล์ ที่ถูกใช้ระบุระยะของการเติบโตของเซลล์ภูมิคุ้มกัน CD4 เป็นตัวหลักในการกำจัดและควบคุมเชื้อโรคนานาชนิด และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อใช้เป็นอาวุธต่อสู่กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายด้วย ถ้า CD4 ถูกทำลายก็จะทำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ในคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติจำนวน CD4 จะอยู่ระหว่าง 500-1,600 เซลล์ต่อเลือดหนึ่งไมโครลิตร (Cells/mm3) หรือเลือดประมาณ 1 หยด]

แหล่งข้อมูล:

  1. นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียพบวิธีรักษาเอดส์ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/world/20130117/486210/นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียพบวิธีรักษาเอดส์.html [2013, September 27].
  2. What is HIV? http://www.cdc.gov/hiv/basics/index.html [2013, September 27].