เมโทโพรลอล (Metoprolol)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือ ยาอะไร?

ยาเมโทโพรลอล (Metoprolol) คือ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง เป็นยาตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มซีเล็กทีฟ เบต้า1 รีเซพเตอร์ บล็อกเกอร์ (Selective beta1 receptor blocker หรือ Cardioselective beta blockers, หรือยา กลุ่ม Beta blocker) ทั่วไปมีทั้งยารับประทานและยาฉีด

ผลข้างเคียงที่เด่นของยาเมโทโพรลอล คือ

  • นอนไม่หลับ
  • อาการอ่อนแรง และ
  • อาจมีอาการเป็นลมร่วมด้วย

การดูดซึมของยาเมโทโพรลอลจากระบบทางเดินอาหารมีเพียง 12% โดยประมาณ โดยเมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือด ตับจะเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยาให้เป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 3 - 7 ชั่วโมงในการกำจัดยา 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านไปกับปัสสาวะ

คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้บรรจุยาเมโทโพรลอลลงในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยระบุเป็นยาอันตรายที่ออกฤทธิ์ในการรักษาได้รวดเร็ว การจะใช้ยานี้ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น และห้ามผู้ป่วยปรับขนาดการรับประทานหรือหยุดการใช้ยาเองด้วยจะก่อให้เกิดอัน ตรายติดตามมา

เมโทโพรลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

เมโทโพรลอล

ยาเมโทโพรลอลมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้: เช่น

  • รักษาความดันโลหิตสูง (ยาลดความดัน)
  • รักษาภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ (Ventricular tachycardia)
  • รักษาอาการเจ็บหน้าอกด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina)
  • รักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน(Acute myocardial infarction)
  • ป้องกันการเกิดไมเกรน (Migraine)

เมโทโพรลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาเมโทโพรลอลคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดการบีบตัว ลดปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ จากกลไกโดยรวมที่กล่าวมาจึงทำให้ความดันโลหิตลดลงด้วยเช่นกัน

เมโทโพรลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาเมโทโพรลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย: เช่น

  • เป็นยาเม็ด ขนาด 100 และ 200 มิลลิกรัม/เม็ด

เมโทโพรลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาเมโทโพรลอลมีขนาดรับประทาน เช่น

ก. รักษาความดันโลหิตสูง: เช่น

  • ผู้ใหญ่: ขนาดยาเมื่อเริ่มต้นรับประทาน 50 - 100 มิลลิกรัม/วันเพียงครั้งเดียว หรือแบ่งรับ ประทานวันละ 2 ครั้ง (ทุก 12 ชั่วโมง) แต่หากเป็นยาชนิดที่ค่อยๆปลดปล่อยตัวยา (Extended-release) รับประทาน 25 - 100 มิลลิกรัมวันละครั้ง ทั้งนี้ขนาดยาที่คงระดับการรักษารับประทาน 100 - 200 มิลลิกรัม/วัน อนึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำการปรับขนาดยา

ข. สำหรับป้องกันไมเกรน: เช่น

  • ใหญ่: รับประทาน 100 - 200 มิลลิกรัม/วัน หรือแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง (ทุก 12 ชั่วโมง)

อนึ่ง:

  • สามารถรับประทานยาเมโทโพรลอล ก่อน หรือ พร้อมอาหาร ก็ได้
  • เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดในการใช้ยานี้ในเด็ก ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาเมโทโพรลอล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/ หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาหรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาเมโทโพรลอล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆและ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/ มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาเมโทโพรลอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

เมโทโพรลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) อาจเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ป่วยได้รับยาเมโทโพรลอลในขนาดสูงๆ โดยอาจจะมีอาการต่อไปนี้ เช่น

  • วิงเวียน
  • ง่วงนอน
  • อ่อนแรง
  • ท้องเสีย
  • ฝันร้าย
  • นอนไม่หลับ
  • ซึมเศร้า
  • ตาพร่า
  • เลือดไปเลี้ยงตามปลายมือ-ปลายเท้าลดลง (รู้สึกเย็นและ/หรือชา)

ส่วนอาการข้างเคียงที่รุนแรงที่อาจพบได้ เช่น

  • ภาวะหัวใจเต้นช้าจนเป็นเหตุให้เป็นลมในที่สุด
  • นอกจากนี้อาจพบ
    • อาการตัวเขียว นิ้
    • นิ้วมือ-นิ้วเท้าซีด
    • มือ-เท้าบวม
    • สมรรถภาพทางเพศด้อยลงไป
    • ผมร่วง
    • อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว/ อารมณ์แปรปรวน
    • หายใจติดขัด/หายใจลำบาก
    • ไอ
    • กระหายน้ำ
    • เจ็บคอ
    • มีไข้
    • ตาเหลือง/ ตัวเหลือง
    • ปวดท้อง
    • คลื่นไส้
    • บางครั้งยังอาจพบอาการคล้ายแพ้ยาโดยมีผื่นคันขึ้นตามตัว

มีข้อควรระวังการใช้เมโทโพรลอลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาเมโทโพรลอล เช่น

  • ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้ เช่น
    • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Sick sinus syndrome)
    • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Decompensated heart failure)
    • มีความผิดปกติในระบบการไหลเวียนเลือดที่รุนแรง (Severe peripheral arterial circulatory disorders)
    • ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะช็อกด้วยโรคหัวใจ
    • ผู้ป่วยโรคหืด
    • ผู้ป่วยที่มีระดับความดันโลหิตตัวบน (Systolic blood pressure) ต่ำกว่า 100 มิลลิเมตรปรอท
    • ผู้ที่มีภาวะเลือดเป็นกรด (เช่น ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคหืดที่ควบคุมโรคไม่ได้)
  • ห้ามใช้ยานี้กับ หญิงตั้งครรภ์ และในหญิงให้นมบุตร
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานหรือหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเองโดยมิได้ปรึกษาแพทย์
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวชนิด Compensated heart failure, ผู้ป่วยด้วยโรคหลอดลมหดเกร็งตัว/หายใจลำบาก, ผู้ป่วยโรคตับ, ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า, และผู้ป่วยที่เคยมีประวัติด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาชาด้วยอาจเกิดภาวะกดการทำงานของหัวใจ
  • ระหว่างการใช้ยานี้ต้องระวังเรื่องการขับขี่ยวดยานพาหนะหรือการทำงานเกี่ยวกับเครื่อง จักรกลเพราะยามีผลให้ง่วงซึมได้
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเมโทโพรลอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

เมโทโพรลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาเมโทโพรลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ยาเมโทโพรลอล ร่วมกับยา Reserpine (ยาลดความดัน) และยาในกลุ่มเอมเอโอไอ (MAOIs) จะทำให้ฤทธิ์ของยาเมโทโพรลอลเพิ่มมากขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้ยาเมโทโพรลอล ร่วมกับ ยาลดกรดที่มีเกลืออะลูมิเนียม (Aluminium, เช่น ยาAluminium hydroxide) หรือเกลือแมกนีเซียม (Magnesium, เช่น ยา Magnesium hydroxide) จะทำให้การดูดซึมยาเมโทโพรลอลมากยิ่งขึ้น จึงควรเลี่ยงการรับประทานร่วมกันหรือปรับเวลาของการรับประทานไม่ให้ตรงกัน
  • การใช้ยาเมโทโพรลอล ร่วมกับ ยาบางตัวอาจทำให้ความเข้มข้นของยาเมโทโพรลอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาร่วมกัน ยากลุ่มดังกล่าว เช่นยา Bupropion, Cimetidine, Diphenhydramine, Fluoxetine, Hydroxycholoquine, Paroxetine, Quinidine, Ritonavir
  • การใช้ยาเมโทโพรลอล ร่วมกับ กลุ่มยาชา/ยาสลบอาจเกิดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตต่ำ และภาวะหัวใจล้มเหลว จึงควรเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน

ควรเก็บรักษาเมโทโพรลอลอย่างไร?

ควรเก็บยาเมโทโพรลอล: เช่น

  • เก็บยาที่อุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/ แสงแดด ความร้อน และ ความชื้น
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำ
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

เมโทโพรลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเมโทโพรลอล มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิตเช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Cardeloc (คาร์ดิล็อก) T.O. Chemicals
Cardoxone R (คาร์ดอกโซน อาร์) Remedica
Meloc (เมล็อก) T. Man Pharma
Melol (เมลอล) Central Poly Trading
Metoblock (เมโทบล็อค) Silom Medical
Metoprolol 100 Stada/Metoprolol 200 Stada Retard (เมโทโพรลอล 100 สตาดา/เมโทโพรลอล 200 สตาดา รีทาร์ด) Stadia
Metprolol (เมทโพรลอล) Pharmaland
Sefloc (เซฟล็อก) Unison

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Metoprolol [2021,Aug21]
  2. https://www.mims.com/Thailand/drug/search/?q=metoprolol [2021,Aug21]
  3. https://www.drugs.com/metoprolol.html [2021,Aug21]
  4. https://www.mims.com/malaysia/drug/info/metoprolol?mtype=generic [2021,Aug21]