“เบลล์ พัลซี” ปากที่เบี้ยวครึ่งซีก (ตอนที่ 1)

อาการปากเบี้ยวที่เกิดจาดโรค "เบลล์ พัลซี" (Bell’s palsy) หรือใบหน้าอัตพาตครึ่งซีก ได้กลายเป็นโรคยอดฮิตของเหล่าดารานักแสดงไปแล้ว สำหรับล่าสุดนักแสดงสาว "จ๊ะ” จิตตาภา ได้ป่วยเป็นโรคนี้เช่นเดียวกัน โดยนักแสดงสาวกล่าวว่า ตื่นนอนขึ้นมาแล้วปวดหัวบริเวณตรงท้ายทอยมาก แต่คิดว่าเป็นไมเกรน จึงกินยาแล้วนอนพัก

พอตื่นมาอีกทีรู้สึกว่า แก้มตึงมาก วิ่งไปดูกระจกแล้วช็อก เพราะพยายามยิ้ม แต่แก้มด้านซ้ายตึงจนปากไม่ขยับและและโหนกแก้มหายไป แพทย์ได้แจ้งกับนักแสดงสาวว่า โรคดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มาตามอากาศและน้ำ จนเยื่อหุ้มในสมองอักเสบเฉียบพลัน ทำให้ปลายประสาทในสมองเส้นที่ 7 อักเสบ ซึ่งโรคนี้สามารถเป็นได้กับทุกคน

เบลล์ พัลซี (Bell’s palsy) เป็นอาการอัมพาตหรืออ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าอันเนื่องมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ผิดปกติ มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการอัมพาตที่ใบหน้า เช่น มีเนื้องอกในสมอง (Brain tumor) โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และ โรคลายม์ (Lyme Disease) อย่างไรก็ดีถ้าเป็นอาการที่ไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ก็มักจะเรียกกันว่า โรคปากเบี้ยวเบลล์ พัลซี

โรคนี้ตั้งชื่อตามนักกายวิภาคศาสตร์ชาวสก็อตต์ ชื่อ "ชาร์ลส์ เบลล์" (Charles Bell) ซึ่งเป็นผู้บรรยายอาการของผู้ป่วยโรคนี้ ส่วนคำว่า "พัลซี" แปลว่า "อัมพาต" สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเบลล์ พัลซี นั้นไม่ชัดเจน อาการที่บ่งบอกคือการเป็นอัมพาตบางส่วนหรือทั้งหมดในชั่วเวลาข้ามคืน ประมาณร้อยละ 1 อาจเป็นอัมพาตที่หน้าทั้ง 2 ซีก

เบลล์ พัลซี ทำให้เกิดอาการไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าได้ อัมพาตทำให้เซลล์ประสาทสั่งการได้น้อยลง เส้นประสาทที่ใบหน้าควบคุมการทำงานหลายอย่าง เช่น การกระพริบและปิดตา การยิ้ม การทำหน้าบึ้ง การหลั่งน้ำตา การหลั่งน้ำลาย การยักคิ้ว นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงเส้นประสาทของกล้ามเนื้อในกระดูกรูปโกลน (Stapes) ในหูชั้นกลาง และตัวรับรู้รสจบริเวณด้านหน้า 2 ใน 3 ส่วนของลิ้น

มีความเชื่อกันว่า เชื้อไวรัสบางชนิดที่เรื้อรังหรือยังคงแฝงอยู่โดยไม่ปรากฏอาการ เช่น เชื้อไวรัสวาริเซลา ซอสเตอร์ (VZV = Varicella-zoster virus) และ เชื้อไวรัสเอ็บสไตน์ บาร์ (EBV = Epstein-Barr viruses) ซึ่งอยู่ในตระกูลเฮอร์ปีส์หรือเริม (Herpes family) เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเบลล์ พัลซีอย่างเฉียบพลัน โดยปัจจัยที่ไปกระตุ้นเชื้อไวรัสเหล่านี้ให้กำเริบ อาจเกิดจากการบาดเจ็บเป็นแผล ปัจจัยสิ่งแวดล้อม หรือความผิดปกติของอารมณ์

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการอักเสบของเส้นประสาทที่ใบหน้า และ/หรือความดันที่กดทับเส้นประสาทที่อยู่ในกะโหลกไปขวางการส่งสัญญาณทางประสาท (Transmission of neural signals) หรือทำลายเส้นประสาท ผู้ป่วยที่มีอาการปากเบี้ยวอาจจะไม่ได้เกิดจากการเป็นเบลล์ พัลซีอย่างเดียว แต่อาจมีสาเหตุมาจากการมีเนื้องอก (Tumor) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head trauma) โรคติดเชื้ออักเสบของเส้นประสาทสมองอย่างโรคซาร์คอยด์ (Sarcoidosis) หรือโรคบรูเซลโลซิส (Brucellosis) เป็นต้น

บางงานวิจัยระบุว่าเชื้อไวรัสเริม (HSV-1 = Herpes simplex virus type 1) ที่ทำให้เกิดโรคบริเวณใบหน้านั้น ส่วนใหญ่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเบลล์ พัลซี ในขณะที่งานวิจัยอื่นระบุว่า จากจำนวนผู้ที่เป็นเบลล์ พัลซี 176 ราย มีเพียง 31 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 18 ที่เกิดจากเชื้อ HSV-1 อีก 45 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 26 เกิดจากเชื้อ Herpes zoster (Zoster sine herpete) ดังนั้นสมมติฐานที่ว่าเบลล์ พัลซี ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมนั้นอาจต้องรอการวิจัยเพิ่มเติมต่อไป

แหล่งข้อมูล:

  1. 'จ๊ะ' ปากเบี้ยวเหตุป่วยเครียดกลัวกระทบละคร http://www.komchadluek.net/detail/20120530/131459/จ๊ะปากเบี้ยวเหตุป่วยเครียดกลัวกระทบละคร.html [2012, June 18].
  2. Bell's palsy. http://en.wikipedia.org/wiki/Bell’s_palsy [2012, June 18].