อะแมนตาดีน (Amantadine)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาอะแมนตาดีน (Amantadine) เป็นยาในกลุ่ม NMDA receptor antagonist ถูกนำมาใช้ รักษาอาการของโรคพาร์กินสัน โดยสามารถใช้ยาอะแมนตาดีนเป็นยาเดี่ยวหรือจะใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นเพื่อการรักษาโรคพาร์กินสันก็ได้

ยาอะแมนตาดีนจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ นอกจากนี้ยังเคยนำมาใช้บำบัดและป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ แต่ยานี้ไม่สามารถรักษาอาการโรคหวัดทั่วไปหรือไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่นได้ แต่ปัจจุบันพบว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ก็สามารถต่อต้านยานี้ได้เช่นเดียวกัน

ก่อนการใช้ยานี้แพทย์จะพิจารณาเงื่อนไขบางประการว่าสมควรจะใช้ยานี้กับผู้ป่วยหรือไม่ เช่น

  • ผู้ป่วยเคยมีอาการแพ้ยาอะแมนตาดีนมาก่อนหรือไม่
  • หากเป็นสตรีอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในภาวการณ์ให้นมบุตรหรือไม่
  • มีประวัติเป็นโรคหัวใจเช่น หัวใจล้มเหลวหรือไม่
  • มีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือไม่
  • เป็นโรคลมชัก เป็นต้อหิน โรคความดันโลหิตต่ำ มีภาวะโรคตับ โรคไตหรือไม่
  • มีการใช้ยาอื่นอยู่ก่อนหน้านี้หรือไม่เช่น Thioridazine (ยารักษาทางจิตเวช) เพราะการใช้ยาร่วมกันในผู้ป่วยพาร์กินสันจะทำให้อาการป่วยทรุดลงมากกว่าเดิม

ยาอะแมนตาดีนมีรูปแบบยาแผนปัจจุบันจะเป็นยารับประทาน ยาอะแมนตาดีนสามารถถูกดูด ซึมจากระบบทางเดินอาหารและกระจายตัวเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 86 - 90% จากนั้นตัวยาจะเข้ารวมตัวกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 67% ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 10 - 31 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยาออกจากกระแสเลือด 50% โดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะ

การใช้ยาอะแมนตาดีนในขนาดรักษาที่เหมาะสมกับอาการป่วยนั้นต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น และห้ามไม่ให้ผู้ป่วยปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง

อะแมนตาดีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

อะแมนตาดีน

ยาอะแมนตาดีนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น

  • บำบัดอาการของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
  • รักษาและป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ เช่น ชนิด H3N2

อะแมนตาดีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะแมนตาดีนคือ ตัวยาจะแสดงฤทธิ์ที่สมองทำให้เกิดการหลั่งสารสื่อประสาทเช่น โดพามีน (Dopamine), นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) จากปลายประสาทส่งผลเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่า Antimuscarinic นอกจากนี้อะแมนตาดีนยังแสดงฤทธิ์เป็น NMDA receptor antagonist ในระดับต่ำๆอีกด้วย จากกลไกดังกล่าวจะเกิดการปรับสมดุลของสารสื่อประสาทตัวอื่นติดตามมาเช่น Glutamate ทำให้ลดอาการปวดและมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อจึงช่วยลดอาการของโรคพาร์กินสัน

นอกจากนี้ยาอะแมนตาดีนยังออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ ได้ด้วยเช่นกัน จึงใช้ในการบำบัดและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ แต่ปัจจุบันไวรัสก็พัฒนาให้ตัวมันทนต่อยาอะแมนตาดีนได้เช่นกัน

อะแมนตาดีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาอะแมนตาดีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเช่น

  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 100 มิลลิกรัม/เม็ด
  • ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 100 มิลลิกรัม/แคปซูล

อะแมนตาดีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาอะแมนตาดีนมีขนาดรับประทานเช่น

ก. สำหรับรักษาอาการพาร์กินสัน:

  • กรณีใช้เป็นยาเดี่ยว: ผู้ใหญ่, รับประทานครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง
  • กรณีใช้ร่วมกับยาอื่น: ผู้ใหญ่, รับประทานครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง แต่กรณีที่มีอาการรุนแรงแพทย์อาจปรับเพิ่มขนาดรับประทานเป็นครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง
  • เด็ก: โดยทั่วไปโรคพาร์กินสันเป็นโรคของผู้ใหญ่จึงยังไม่มีข้อมูลการใช้ยานี้ในเด็ก

ข. สำหรับป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ:

  • ผู้ใหญ่: รับประทานครั้งละ 100 - 200 มิลลิกรัม/วันขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

ค. สำหรับรักษาการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ:

  • ผู้ใหญ่: รับประทานครั้งละ 100 - 200 มิลลิกรัม/วันขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

ง. สำหรับป้องกันและรักษาไข้หวัดใหญ่ชนิด เอในเด็ก:

  • เด็กอายุ 1 - 9 ปี: รับประทาน 4.4 - 8.8 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วันแบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 ครั้ง และห้ามใช้ยาเกิน 150 มิลลิกรัม/วัน
  • เด็กอายุ 10 - 12 ปี: รับประทานครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 1 - 2 ครั้งขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี: ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดในการใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
  • เด็กอายุมากกว่า 12 ปี: ขนาดยานี้เช่นเดียวกับในผู้ใหญ่

*อนึ่ง:

  • สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้

*****หมายเหตุ:

  • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาอะแมนตาดีน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาอะแมนตาดีนอาจส่งผลให้อา การของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาอะแมนตาดีนสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า

อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิผลของการรักษาควรรับประทานยาอะแมนตาดีนให้ตรงเวลา

อะแมนตาดีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาอะแมนตาดีนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้เช่น

ก. อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย: เช่น มีภาวะวิตกกังวล หงุดหงิด การครองสติทำได้ยาก ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ นอนไม่หลับ และฝันร้าย

ข. อาการข้างเคียงที่พบได้น้อย: เช่น ท้องผูก สมรรถภาพทางเพศถดถอย ท้องเสีย ง่วงนอน ปากแห้ง อาเจียน อ่อนเพลีย

*อนึ่งอาการข้างเคียงดังกล่าวอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วยแต่ละบุคคล

มีข้อควรระวังการใช้อะแมนตาดีนอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาอะแมนตาดีนเช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามปรับขนาดการรับประทานด้วยตนเอง
  • ห้ามดื่มสุราร่วมกับการรับประทานยาอะแมนตาดีนด้วยจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือเป็นลมติดตามมา
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะขณะใช้ยานี้ด้วยผลข้างเคียงบางประการเช่น ก่อให้เกิดอาการวิงเวียน
  • แนะนำผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีการใช้ยานี้ให้ระวังในการเคลื่อนที่ - เคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการสะดุดล้ม กระแทก
  • ยานี้อาจทำให้เกิดรอยจุดสีม่วงแดงของผิวหนังโดยเฉพาะกับเพศหญิง หลังหยุดการใช้ยา 2 - 12 สัปดาห์จุดเหล่านี้จะค่อยๆเลือนหายไปเอง
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคลมชัก ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ผู้ที่มีไข้สูง ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำหรือโรคความดันโลหิตสูงด้วยยาอะแมนตาดีนอาจทำให้อาการป่วยดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้น
  • กรณีโรคพาร์กินสันหลังใช้ยานี้แล้ว 2 - 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรต้องกลับไปปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง:

ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาอะแมนตาดีนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่ม เติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

อะแมนตาดีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาอะแมนตาดีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น

  • การใช้ยาอะแมนตาดีนร่วมกับยา Bupropion, Tramadol อาจทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงการเกิดอาการลมชักได้มากขึ้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  • การใช้ยาอะแมนตาดีนร่วมกับยา Chlorpheniramine, Atropine, Dicyclomine, Diphenhydramine, อาจทำให้มีอาการข้างเคียงต่างๆเช่น ปากแห้ง ท้องผูก ปัสสาวะขัด สับสน ตาพร่า หรือถึงขั้นประสาทหลอน หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป

ควรเก็บรักษาอะแมนตาดีนอย่างไร?

ควรเก็บยาอะแมนตาดีนในอุณหภูมิห้องที่เย็น ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

อะแมนตาดีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาอะแมนตาดีนที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Amantadine hydrochloride (อะแมนตาดีน ไฮโดรคลอไรด์) Upsher-Smith Laboratories, Inc
Symmetrel (ซีมเมเทรล) Chanelle Medical

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Amantadine#Medical_uses [2015,Oct17]
  2. http://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/amantadine-oral-route/precautions/drg-20061695 [2015,Oct17]
  3. http://www.drugs.com/cdi/amantadine.html [2015,Oct17]
  4. http://www.drugs.com/drug-interactions/amantadine.html [2015,Oct17]
  5. http://www.mims.com/THAILAND/Home/GatewaySubscription/?generic=Amantadine [2015,Oct17]
  6. https://www.medicines.org.uk/emc/PIL.3195.latest.pdf [2015,Oct17]
  7. http://www.drugs.com/dosage/amantadine.html [2015,Oct17]