หลอดลมอักเสบในเด็ก (Bronchitis in children)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

โรคหลอดลมอักเสบในเด็ก (Bronchitis in children) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบริเวณหลอดลมซึ่งอยู่ลึกลงไปจากกล่องเสียงไปยังปอดส่วนล่าง ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนอยู่ตรงกลางระหว่างทางเดินหายใจส่วนบน (จมูก ลำคอ และท่อลม) และทางเดินหายใจส่วนล่าง (เนื้อปอด)

โรคหลอดลมอักเสบเป็นโรคพบได้บ่อยโรคหนึ่งของเด็ก และมักเป็นอาการที่นำเด็กมาพบแพทย์ ทั้งนี้ในยุโรป รายงานพบเกิดโรคนี้ได้ประมาณ 20-30% ของเด็กนักเรียน

โรคหลอดลมอักเสบพบได้ในเด็กทุกอายุ แต่พบได้สูงสุดในช่วงอายุ 9-15 ปี และพบเกิดในเด็กหญิงและเด็กชายใกล้เคียงกัน

โรคหลอดลมอักเสบในเด็กเกิดขึ้นได้อย่างไร?

หลอดลมอักเสบในเด็ก

เกือบทั้งหมดของโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก มีสาเหตุจากเชื้อโรคทั้งสิ้น โดยพบดังนี้

1 เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโรคหัด ไวรัสอาร์เอสวี (RSV, Respiratory syncytial virus) ฯลฯ ซึ่งสาเหตุจากเชื้อไวรัส เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุด

2 เชื้อแบคทีเรีย เช่น นิวโมคอคคัส (Pneumococcus) เชื้อฮีโมฟิ ลุสอินฟลูเอนเซ (Haemophilus influenzae) เชื้อมัยโค พลาสมา (Mycoplasma) เชื้อโรคไอกรน ฯลฯ ซึ่งพบได้น้อยกว่าจากเชื้อไวรัสมาก

โรคหลอดลมอักเสบในเด็กมีอาการอย่างไร?

อาการส่วนใหญ่ของโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก เริ่มจากอาการคล้ายไข้หวัด (โรคหวัด หรือ โรคไข้หวัดใหญ่) น้ำมูกไหล ไอเล็กน้อย และเมื่อ 2-3 วันผ่านไป เชื้อโรคจะลุกลามไปยังหลอดลม ทำให้มีอาการไอมากขึ้น ไอแห้งๆ ไม่ค่อยมีเสมหะ หลังจากนั้นอาจลุกลามเป็นโรคปอดอักเสบ หรือโรคปอดบวมได้ (โรคปอดอักเสบ โรคปอดบวมในเด็ก) อาการส่วนใหญ่ของหลอดลมอักเสบจะหายเป็นปกติดี ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากมีอาการ

แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดลมอักเสบในเด็กอย่างไร?

แพทย์มักวินิจฉัยโรคหลอดลมอักเสบในเด็กจากอาการป่วย โดยทั่วไปเหมือนโรคหวัด แต่มีอาการไอมากกว่า และมักไม่มีอาการหอบเหนื่อย การถ่ายเอ็กซเรย์ปอดมักปกติไม่สามารถช่วยวินิจฉัยได้

รักษาโรคหลอดลมอักเสบในเด็กอย่างไร? ดูแลเด็กอย่างไร?

แนวทางการรักษาและการดูแลเด็กโรคหลอดลมอักเสบ คือ

1. การรักษา: เนื่องจากเกิดจากเชื้อไวรัสเกือบทั้งหมด จึงไม่มียารักษาจำเพาะ ยกเว้นพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมียาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่รักษาได้ ส่วนยาปฏิชีวนะสำหรับเชื้อแบคทีเรียนั้น มักไม่ค่อยมีประโยชน์เมื่อเป็นการติดเชื้อไวรัส เพราะยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อไวรัสไม่ได้

2. การดูแลเด็ก: โดยผู้ดูแลควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไป คือ ให้เด็กดื่มน้ำอุ่นมากๆ อย่าอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดี ปิดปากจมูกเวลาไอหรือจาม ล้างมือบ่อยๆ พักผ่อนมากๆ เมื่อมีไข้ หรือไอมากควรหยุดโรงเรียน เพื่อการพักผ่อน และลดโอกาสเกิดโรคแพร่กระจายสู่เด็กคนอื่นๆ

เมื่อไรควรพาเด็กโรคหลอดลมอักเสบพบแพทย์?

ควรนำเด็กพบแพทย์/มาโรงพยาบาล ถ้า

  • ไข้สูง ที่ไข้ไม่ลดลงใน 48 ชั่งโมงหลังกินยาลดไข้
  • ไอมาก
  • ซึม
  • อ่อนเพลีย
  • อาเจียน
  • หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผู้ปกครองคิดว่า อาการรุนแรง
  • หรือผู้ปกครองกังวลใจ

โรคหลอดลมอักเสบในเด็กรุนแรงไหม? ใครเสี่ยงต่อโรครุนแรง?

โดยทั่วไปโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก มักไม่รุนแรง สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ แต่อาจลุกลามเป็นปอดอักเสบซึ่งรุนแรงได้ (โรคปอดอักเสบ ปอดบวมในเด็ก)

เด็กที่เสียงต่อโรคหลอดลมอักเสบรุนแรง มักเป็นเด็กที่ขาดอาหาร หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเอดส์ และมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำจากสาเหตุใดๆก็ตาม ฯลฯ

โรคหลอดลมอักเสบในเด็กรักษาหายไหม?

โดยทั่วไป โรคหลอดลมอักเสบในเด็กสามารถรักษาหายเป็นปกติได้โดยทำตามคำแนะนำแพทย์ แต่โรคจะรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนกลายเป็น โรคปอดอักเสบ /ปอดบวม (โรคปอดอักเสบ ปอดบวมในเด็ก)

โรคหลอดลมอักเสบในเด็กมีผลข้างเคียงจากโรคอย่างไรบ้าง?

ส่วนใหญ่ในเด็กมักไม่มีผลข้างเคียงจากโรคหลอดลมอักเสบ แต่อาจลุกลามเป็นปอดอักเสบ (โรคปอดอักเสบ ปอดบวมในเด็ก) ซึ่งรุนแรงมากขึ้นได้ เมื่อเด็กอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวแล้ว หรือเมื่อไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ

การป้องกันโรคหลอดลมอักเสบในเด็กทำได้อย่างไร?

การป้องกันโรคหลอดลมอักเสบในเด็ก มีหลายวิธี เช่น โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบางโรคที่มีวัคซีน เช่น วัคซีนโรคหัด, วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่, วัคซีนโรคไอกรน

สอนเด็กให้รู้จักรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) โดยเฉพาะ หมั่นล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ และไม่เล่นคลุกคลีกับเด็กป่วย

นอกจากนั้น ผู้ป่วยเด็กโรคหวัด หรือ เมื่อมีไข้ ต้องนอนพักผ่อน และปิดปากปิดจมูกเวลาไอจามเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น