วิตามินรวมไม่อาจลดความเสี่ยงโรคหัวใจ (ตอนที่ 1)

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (The U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ระบุว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจะกินอาหารเสริมทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ชนิด และอาหารเสริมที่นิยมมากที่สุด ก็คือ วิตามินรวม

ขณะที่ผลการวิจัยของ นพ.โฮเวิร์ด เซสโซ (Dr. Howard Sesso) จากโรงพยาบาลบริกแฮมแอนด์วีเมน (Brigham and Women's Hospital) ที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา พบว่า วิตามินรวมไม่ได้มีผลดีหรือผลเสียต่อโรคหัวใจแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผลการวิจัยได้มาจากการทำการวิจัยในผู้ชายวัยกลางคนและผู้ชายสูงอายุ 15,000 คน ตลอดระยะเวลาประมาณ 11 ปี แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผลการวิจัยดังกล่าวจะใช้ได้กับผู้ชายที่อายุน้อยหรือผู้หญิงได้หรือ

ไม่ อย่างไรก็ดี จากผลการวิจัยฉบับก่อนที่วิจัยในผู้หญิง 160,000 คน พบว่าวิตามินรวมไม่ได้มีผลกระทบกับโอกาสของการเป็นโรคหัวใจหรืออาการเส้นเลือดตีบ (Stroke) แต่มีผลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ร้อยละ 8 หากมีการกินวิตามินรวมทุกวัน

วิตามินรวม หรือ มัลติวิตามิน (Multivitamins = MVM) เป็นอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุอาหาร พบได้ในลักษณะเป็นเม็ด แค๊ปซูล ยาอม ผง ของเหลว และยาฉีด ในสหรัฐอเมริกาถือว่าวิตามินรวมเป็นอาหารเสริมที่ต้องประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไ

ป วิตามินรวม ไม่มีส่วนประกอบของสมุนไพร ฮอร์โมน หรือยา และต้องมีปริมาณที่ไม่เกินจากที่คณะกรรมการอาหารและยาควบคุมไว้ วิตามินรวมที่จำหน่ายทั่วไปมีหลายสูตรตามแต่ลักษณะของผู้ใช้ เช่น วิตามินรวมสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัย ผู้ชายหรือผู้หญิง ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้มีความเครียด ส่วนใหญ่จะมีการกินวิตามินรวม วันละ 1 - 2 ครั้ง

วิตามินรวมมีประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่สมดุล (Dietary imbalances) หรือต้องการสารอาหารจำเป็นที่แตกต่างไป ผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่สมดุลอาจรวมถึงผู้ที่ต้องควบคุมอาหารและผู้ที่ไม่สามารถหรือไม่ยอมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สตรีมีครรภ์และผู้สูงอายุมีความจำเป็นการได้รับสารอาหารที่แตกต่างกันไป ดังนั้นทางที่ดีควรคำแนะนำจากแพทย์ก่อน

ตัวอย่างเช่น การได้รับวิตามินเอในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้เกิดการแท้งในสตรีมีครรภ์ได้ หรือการได้รับอาหารเสริมเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) วิตามินเอ และวิตามินอีเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่มีอายุสั้นลงได้

การขาดวิตามินและเกลือแร่อย่างรุนแรงต้องรับการรักษาจากแพทย์และอาจเป็นการยากที่จะรักษาด้วยการซื้อวิตามินรวมกินเอง เพราะกรณีนี้อาจต้องให้วิตามินหรือเกลือแร่เฉพาะอย่างในปริมาณที่สูงกว่าปกติ

นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวัง ก็คือ หากอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็งหรือมีประวัติเป็นโรคมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้วิตามินรวม ทั้งนี้เพราะอาหารเสริมวิตามินรวมอาจมีผลต่อการรักษาโรคได้ กล่าวคือ อาหารเสริมอาจมีสารอาหารที่ช่วยให้เซลล์มะเร็งเติบโตมากขึ้นกว่าเดิมได้

แหล่งข้อมูล:

  1. Multivitamins don't cut heart disease risk in men - study. http://www.reuters.com/article/2012/11/05/us-heart-vitamins-idUSBRE8A413J20121105 [2012, November 17].
  2. Multivitamins Do Not Prevent Heart Disease. http://men.webmd.com/news/20121105/multivitamins-heart-disease [2012, November 17].
  3. Multivitamin. http://en.wikipedia.org/wiki/Multivitamin [2012, November 17].