ลูกอลส์ โซลูชั่น (Lugol’s solution)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาลูกอลส์ โซลูชั่น หรือ สารละลายลูกอลส์(Lugol’s solution) หรือจะเรียกว่า ลูกอลส์ ไอโอดีน(Lugol’s iodine) หรือบางครั้งเรียกว่า Aqueous iodine หรือ Strong iodine solution เป็นสารละลายที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค สูตรตำรับได้พัฒนาขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1829(พ.ศ.2472) โดยนายแพทย์ชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า “Jean Lugol” ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ใช้ยาลูกอลส์ โซลูชั่น รักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ป้องกันเซลล์ต่อมไทรอยด์จากไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสี รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะขาดไอโอดีน ใช้เป็นยาช่วยในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก(Cervical cancer) ใช้รักษาบาดแผลจากเข็มทิ่มตำตลอดจนกระทั่งผสมในน้ำดื่มเพื่อฆ่าเชื้อโรค ในห้องทดลอง จะใช้ยาลูกอลส์ โซลูชั่นเพื่อจำแนกประเภทของแบคทีเรียหรือที่เรียกว่า Gram stain

ตัวยาสำคัญของสารละลายลูกอลส์ คือ ไอโอดีน และโปแตสเซียม ไอโอไดด์(Potassium iodide) ด้วยคุณประโยชน์ที่มากมาย ทางองค์การอนามัยโลกได้กำหนดสารละลายลูกอลส์เป็นเภสัชภัณฑ์ที่สถานพยาบาลควรมีสำรองเพื่อให้บริการกับผู้ป่วย ประเทศไทยโดยคณะกรรมการอาหารและยา ก็ได้ระบุให้สารละลายลูกกอลซ์อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติเช่นเดียวกัน

การใช้สารละลายลูกอลส์ ด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วยความแตกต่างของความเข้มข้นในสูตรตำรับยานี้ สามารถก่อผลข้างเคียงได้มากมาย อาทิ ทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังที่สัมผัสยานี้ ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนสภาพจิตประสาทเมื่อบริโภคยานี้เข้าร่างกาย

เราสามารถซื้อหายาลูกอลส์ โซลูชั่นได้จากร้านขายยาทั่วไป และอาจพบว่าแต่ละสูตรตำรับ มีความแตกต่างของตัวยาสำคัญอย่างเช่น ไอโอดีนที่มีความเข้มข้น ตั้งแต่ 1–13%

ปัจจุบันภาคเกษตรกรรม ก็ได้นำลูกอลส์ โซลูชั่นมาใช้เป็นสารเพิ่มการเจริญเติบโตในฟาร์มปศุสัตว์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคเกิดความสับสนในเภสัชภัณฑ์ที่มีไอโอดีนเป็นองค์ประกอบในท้องตลาด เช่น Povidone iodine หรือTincture of iodine ซึ่งมีความแตกต่างและความคล้ายของประโยชน์ใช้งาน ก็สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแพทย์ผู้ที่ให้การรักษา หรือจากเภสัชกรได้ทั่วไป

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ลูกอลส์โซลูชั่น

ยาลูกอลส์ โซลูชั่นมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • ใช้รักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
  • ป้องกันการสะสมไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสีของเซลล์ต่อมไทรอยด์
  • บำบัดอาการผู้ที่มีภาวะขาดไอโอดีน
  • ช่วยลดภาวะเลือดออกของผู้ที่ต้องผ่าตัดต่อมไทรอยด์ด้วยเหตุจากโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษชนิดที่เรียกว่า Graves’ disease
  • ใช้เป็นยาช่วยในหัตถการส่องตรวจช่องคลอดหรือปากมดลูก
  • ใช้ในหัตถการตรวจรอยต่อของเหงือกหรือเยื่อเมือกในปาก
  • ใช้เป็นสารฆ่าเชื้อโรค(น้ำยาฆ่าเชื้อ)
  • ใช้ในห้องทดลองเพื่อแยกประเภทของแบคทีเรีย

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงยาลูกอลส์ โซลูชั่นที่มีความสัมพันธ์ต่อการรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นประเด็นสำคัญดังนี้

ก. สำหรับผู้ป่วยต่อมไทรอยด์เป็นพิษ: การได้รับธาตุไอโอดีนจากสารละลายลูกอลส์ จะทำให้อาการต่อมไทรอยด์เป็นพิษทุเลาลง ด้วยลูกอลส์ โซลูชั่นสามารถยับยั้งการปลดปล่อยไทรอยด์ฮอร์โมนที่มีปริมาณมากเกินไป ไอโอดีนในลูกอลส์ โซลูชั่นยังมีกลไกลดจำนวนหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์ลดขนาดลง และจากกลไกเหล่านี้ แพทย์จึงมักให้สารละลายลูกอลส์กับผู้ป่วยต่อมไทรอยด์เป็นพิษ เพื่อลดขนาดต่อมไทรอยด์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

ข. สำหรับป้องกันไอโอดีนที่เป็นสารกัมมันตรังสีเข้าสะสมในเซลล์ต่อมไทรอยด์: กล่าวคือ ธรรมชาติของต่อมไทรอยด์เมื่อได้รับธาตุไอโอดีนเป็นปริมาณที่พอเพียงเต็มที่ เซลล์ต่อมไทรอยด์จะถูกจำกัดให้ไม่สามารถรับ/จับไอโอดีนที่อยู่ภายนอกต่อมไทรอยด์เพิ่มได้อีก ด้วยกลไกนี้ผู้ป่วยที่ได้รับธาตุไอโอดีนจากลูกอลส์ โซลูชั่น จะเกิดการปิดกั้นไม่ให้ไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสีเข้าจับกับเซลล์ต่อมไทรอยด์ได้อีก

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาลูกอลส์ โซลูชั่นมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • สารละลายที่มีส่วนประกอบของ Iodine 5% และ Potassium iodide 10%

อนึ่ง ลูกอลส์ โซลูชั่น ที่วางจำหน่ายอาจมีองค์ประกอบของไอโอดีนและโปแตสเซียม ไอโอไดด์ในสัดส่วนแตกต่างกันดังตารางข้างล่าง

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาลูกอลส์ โซลูชั่นมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น

ก. สำหรับผู้ที่มีภาวะขาดไอโอดีน:

  • ผู้ใหญ่: ใช้ลูกอลส์ โซลูชั่น เข้มข้น 5% 2 หยด ลงในน้ำประมาณ 240 ซีซีหรือ น้ำผลไม้ คนให้ตัวยากระจายตัวแล้วดื่มตอนเช้าวันละ1ครั้ง แพทย์จะแนะนำปรับเพิ่มขนาดรับประทานเพื่อให้ร่างกายผู้ป่วยได้รับไอโอดีน 50 มิลลิกรัม/วัน
  • เด็ก: การใช้และขนาดยานี้ในเด็ก อยู่ในดุลพินิจของแพทย์เป็นกรณีๆไป

ข. สำหรับป้องกันเซลล์ต่อมไทรอยด์สะสมไอโอดีนที่มีกัมมันตรังสี:

  • ผู้ใหญ่: รับประทานยาโดยคิดเป็นปริมาณไอโอดีน 195 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง เป็นเวลา10 วัน
  • เด็ก: การใช้และขนาดยานี้ในเด็กอยู่ในดุลพินิจของแพทย์เป็นกรณีๆไป

ค. สำหรับลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์จากการบริโภคไอโอดีนที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีหลังการระเบิดของนิวเคลียร์:

  • ผู้ใหญ่: รับประทานยาที่คิดเป็นปริมาณไอโอดีน 130 มิลลิกรัม วันละ1ครั้งจนกว่าการปนเปื้อนกัมมันตรังสีในสิ่งแวดล้อมจะยุติ
  • เด็กอายุ 3–18 ปี: รับประทานยาที่มีไอโอดีน 65 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง
  • เด็กอายุ 1 เดือน–3 ปี: รับประทานยาที่มีไอโอดีน 32.5 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง
  • เด็กอายุต่ำกว่า 1 เดือน: รับประทานยาที่มีไอโอดีน 16.25 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง

อนึ่ง:

  • ควรรับประทานย่านี้หลังอาหาร เพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
  • การรับประทานยานี้อาจใช้เวลาต่อเนื่องถึง 10-15 วัน หรือเป็นไปตามคำสั่งแพทย์

*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาลูกอลส์ โซลูชั่น ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาลูกอลส์ โซลูชั่นอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา กับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาลูกอลส์ โซลูชั่น สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาลูกอลส์ โซลูชั่นสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น

  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น อาจเกิดลมพิษ
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ แน่นหน้าอก
  • ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น มื้อ-เท้า/กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ ท้องเสีย ทำให้แสบบริเวณปาก-คอ น้ำลายออกมามาก การรับรสชาติอาหารเปลี่ยน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
  • ผลต่อสภาพจิตใจ/จิตประสาท: เช่น รู้สึกสับสน
  • ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น อาจทำให้มีภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง

มีข้อควรระวังการใช้ลูกอลส์ โซลูชั่นอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาลูกอลส์ โซลูชั่น เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคไต
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
  • ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์ สตรีในช่วงให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งแพทย์
  • รับประทานยานี้ต่อเนื่องตามคำสั่งแพทย์ ห้ามหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง
  • กรณีพบอาการแพ้ยาหลังการใช้ยานี้ เช่น มีผื่นคัน ผิวหนังบวม แดง ผิวหนังลอก แน่นหน้าอก หายใจขัด ใบหน้า-ปาก-คอมีอาการบวม ซึ่งเป็นอาการแพ้ยานี้ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมลูกอลส์ โซลูชั่นด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาลูกอลส์ โซลูชั่นมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ยาลูกอลส์ โซลูชั่นร่วมกับยา Captopril, Enalapril, Lisinopril อาจทำให้เกิดภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูงเกินปกติ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  • ห้ามใช้สารละลายลูกอลส์ร่วมกับยาขับปัสสาวะที่มีฤทธิ์ดูดกลับโปแตสเซียม (Diuretics potassium sparing หรือ Potassium sparing diuretics) เพราะจะทำให้ร่างกายมีระดับโปแตสเซียมสูงเกินปกติจนส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้น

ควรเก็บรักษาลูกอลส์ โซลูชั่นอย่างไร?

ควรเก็บยาลูกอลส์ โซลูชั่น ภายใต้อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ย

ลูกอลส์ โซลูชั่นมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาลูกอลส์ โซลูชั่น มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Lugol's Iodine 2% (ลูกอลส์ ไอโอดีน 2%)J.Crow Company

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Lugol%27s_iodine [2018,March17]
  2. https://www.drugs.com/mmx/lugol-s-solution.html [2018,March17]
  3. http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/search?keyword=lugol [2018,March17]
  4. http://www.iodine-resource.com/lugols-iodine-dosage.html [2018,March17]
  5. https://www.swansonvitamins.com/j-crow-company [2018,March17]
  6. https://davisplus.fadavis.com/3976/meddeck/pdf/iodineiodide.pdf [2018,March17]
  7. https://davisplus.fadavis.com/3976/meddeck/pdf/iodineiodide.pdf [2018,March17]
  8. http://www.mims.com/thailand/drug/info/lugol/ [2018,March17]