รู้จักไหม ? ไวรัสนิปาห์ (ตอนที่ 1)

นิปาน์ไวรัส-1

      

      

      อินเดียประกาศให้ประชาชนระวังการแพร่ระบาดของไวรัสนิปาห์ (Nipah) หลังมีรายงานว่าเมืองโคษิโฆษ (Kozhikode) เมืองทางใต้ของอินเดียมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตแล้ว 10 ราย

      องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าไวรัสนิปาห์ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในสิบของเชื้อโรคในโลกสมัยใหม่ ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงได้ จากรายงานในอดีตพบว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนจากผู้ติดเชื้อประมาณ 300 คน และได้พบการแพร่ระบาดในสุกรที่มาจากประเทศมาเลเซีย และต้องกระทำการการุณยฆาตสุกรอย่างน้อยหนึ่งล้านตัว

      ระยะการแสดงอาการของไวรัสนิปาห์คล้ายกับไข้หวัดทั่วไป โดยในหนึ่งถึงสองวันแรกมีไข้สูง วิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจเร็วหรือหายใจลำบาก แต่จะรุนแรงขึ้นเมื่อมีอาการไอเสียงดัง หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา จะทำให้เป็นโรคสมองอักเสบ (Encephalitis) และเสียชีวิต

      ยังไม่มีการระบุว่าพบผู้ป่วยในประเทศไทย แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าเล็กน้อยที่ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนในการรักษาทั้งในคนและสัตว์ และผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนิปาห์มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 70

      ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง กรณีที่สื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องชาวสวนไทย โดยเฉพาะสวนน้ำตาลที่มีความเสี่ยงของต่อการติดเชื้อไวรัสนิปาห์ซึ่งมีการระบาดอยู่ในประเทศอินเดียและศรีลังกานั้น

      กรมควบคุมโรคขอให้ข้อมูลว่าในประเทศไทยยังคงต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทั้งประเทศที่มีการระบาดและภายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์มีพาหะนำโรคคือ ค้างคาวผลไม้ที่พบในไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักและป้องกันตนเอง แต่อย่าตระหนกตกใจ

      นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวถึง ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคดังกล่าวจากค้างคาวผลไม้หรือสัตว์อื่นๆ ว่า ขึ้นอยู่กับการสัมผัสใกล้ชิดของพาหะนำโรค เช่น เลือด มูลของสัตว์ หรือน้ำลาย ซึ่งหากประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อในสารคัดหลั่งต่างๆ จะสามารถลดโอกาสต่อการเกิดโรคได้มาก

      องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำผู้ที่ทำอาชีพเก็บน้ำตาลว่า การลดการปนเปื้อนจากสัตว์ที่จะมากินน้ำตาลด้วยการมีสิ่งปกคลุมที่ปากภาชนะและดอกมะพร้าว เช่น ผ้า หรือ แพไม้ไผ่ จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อได้ และก่อนรับประทานต้องมีการต้มให้เดือดก่อน เพื่อเป็นการทำลายเชื้อโรคอื่นๆด้วย

      ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าขณะนี้ไทยยังไม่มีผู้ป่วยโรคดังกล่าว แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ เนื่องจากพบว่าค้างคาวผลไม้ที่พบในไทยมีความคล้ายคลึงกับที่อินเดีย โดยขณะนี้ก็ยังไม่พบการติดต่อจากสัตว์สู่คนในไทยแต่อย่างใด

      นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสในระยะใกล้ชิดกับค้างคาวและสารคัดหลั่งของสัตว์พาหะนำโรค ได้แก่ ค้างคาวผลไม้ และสุกร ม้า แมว แพะ แกะที่รับเชื้อมาจากค้างคาวผลไม้ รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้ที่อาจปนเปื้อนน้ำลาย มูลสัตว์หรือปัสสาวะของค้างคาวกินผลไม้ ไม่รับประทานผลไม้ที่ตกอยู่กับพื้น โดยเฉพาะที่มีรอยกัดแทะ และห้ามรับประทานเนื้อค้างคาว

      อนึ่ง สถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันแล้ว 16 ราย ผู้ต้องสงสัยและรอผลยืนยันอีก 12 รายรวม 28 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย โดยขณะนี้มีความเสี่ยงต่อการป่วยตายสูงถึงร้อยละ 80 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

แหล่งข้อมูล:

  1. กรมควบคุมโรค ย้ำไทยยังไม่พบผู้ป่วยนิปาห์. http://www.thaihealth.or.th/Content/42729-กรมควบคุมโรค ย้ำไทยยังไม่พบผู้ป่วยนิปาห์.html [2018, June 9].
  2. ไวรัส "นิปาห์" ระบาดครั้งใหม่ในอินเดีย จากคนสู่คน คร่าชีวิตไปแล้วนับสิบราย. https://www.blognone.com/node/102650 [2018, June 9].