ทำไมหัวใจต้องล้มเหลว (ตอนที่ 6 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 1 ตุลาคม 2558
- Tweet
สำหรับการป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวทำได้โดยการลดความเสี่ยงต่างๆ เช่น
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด คลอเรสเตอรอล
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- รักษาน้ำหนักตัวให้พอดี
- ลดและจัดการกับความเครียด
อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2544 The American Heart Association (AHA) และ American College of Cardiology (ACC) ได้จัดระดับของภาวะหัวใจล้มเหลว และมีการทบทวนการจัดระดับอีกครั้งในปี พ.ศ. 2549 โดยการจัดระดับนี้ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงพัฒนาการของโรคว่าจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไปและเข้าใจถึงแผนการดูแล ซึ่งมีลักษณะตั้งแต่ระยะ A ไปจนถึงระยะ D ดังนี้
ระยะ A ระยะที่มีความเสี่ยงสูงในการมีภาวะหัวใจล้มเหลว ได้แก่ คนที่มี
- ความดันโลหิตสูง
- เบาหวาน
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- อ้วนลงพุง (Metabolic syndrome)
- มีประวัติการรักษาด้วยยาที่เป็นพิษต่อหัวใจ (Cardiotoxic drug therapy)
- มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ (Alcohol abuse)
- มีประวัติเป็น โรคไขข้ออักเสบ (Rheumatic fever)
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (Cardiomyopathy)
- เคยเป็น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart attack)
- เป็นโรคลิ้นหัวใจ
- เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
- หายใจลำบาก
- อ่อนเพลีย
- ออกกำลังกายได้น้อยลง
- Heart Disease and Congestive Heart Failure. http://www.webmd.com/heart-disease/guide-heart-failure [2015, September 30].
- Heart failure. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heart-failure/basics/definition/con-20029801 [2015, September 30].
ระยะ B ระยะที่พบว่าหัวใจห้องล่างซ้ายมีปัญหาในการบีบเลือดออก (Systolic left ventricular dysfunction) แต่ไม่เคยมีภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวัดค่า EF จะอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ซึ่งได้แก่ คนที่
ระยะ C ระดับที่พบว่าหัวใจห้องล่างซ้ายมีปัญหาในการบีบเลือดออก ได้แก่ คนที่
ระยะD มีอาการหนักแม้จะรักษาด้วยการใช้ยาแล้วก็ตาม
แหล่งข้อมูล