จิตวิทยาในชีวิตประจำวัน - ภาคที่ 3 จิตวิทยาผู้ใหญ่ ตอนที่ 7 : ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต (4)
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 31 พฤษภาคม 2558
- Tweet
มุมมองที่ไม่สู้ดีนักของวัยหมดประจำเดือน เกิดจากกลุ่มอาการโรค (Syndrome) อาทิ โรคซึมเศร้า (Depression) และปฏิกิริยาตอบโต้ทางอารมณ์ในเชิงลบ ซึ่งมักตั้งอยู่บนพื้นฐานของสตรีที่หมดประจำเดือนแต่เนิ่นๆ หลังการผ่าตัดเอามดลูกออก (Hysterectomy) หรือผู้ที่มีประวัติซึมเศร้าในชีวิตมาก่อน
ผลการสำรวจหลายครั้ง ในสตรีที่ร่างกายแข็งแรงนับพันๆ คน ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดยสุ่มตัวอย่างจากสตรีทั่วไป พบว่า สตรีส่วนมากมองวัยหมดประจำเดือนด้วยความโล่งอก (เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ หรือความทุกข์ช่วงมีประจำเดือน) หรือไม่มีความรู้สึกเฉพาะใดๆ แต่ก็มีเพียง 3% เท่านั้น ที่รายงานว่า รู้สึกเสียดายที่ถึงวัยหมดประจำเดือน สตรีส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับอาการทางร่างกายเพียงเล็กน้อย (ซึ่งอาจน่ารำคาญ แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว) โดยมิได้เป็นโรคซึมเศร้า
.ในการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ ของสตรีวัยหมดประจำเดือน พบว่า น้อยกว่าครึ่งที่รายงานอาการทางร่างกาย และมีเพียง 5% ที่บ่นเรื่องอารมณ์ไม่ดี แม้ว่าผู้หญิงจะสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์ (Fertility) และผู้ชายสามารถสืบพันธุ์ได้ตลอดชีวิตในทางทฤษฎี แต่ผู้ชายก็มี “นาฬิกาทางชีวภาพ” (Biological clock) เช่นกัน
ในผู้ชาย สารเท็สโตสเตอโรน (Testosterone) จะลดลง แม้ว่า จะไม่ลดฮวบฮาบเหมือนสารเอ็สโตรเจน ในผู้หญิง จำนวนนับของน้ำอสุจิ อาจค่อยๆ ลดลง แต่ส่วนที่เหลืออยู่ มีแนวโน้ม (Susceptible) ต่อการกลายพันธุ์ (Mutation) ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคบางอย่างในเด็กที่เกิดจากพ่อสูงวัย
ตัวอย่างเช่น พ่อที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยง 3 เท่า ที่จะให้กำเนิดลูกที่เป็นโรคจิตเภท (Schizophrenia) เมื่อเทียบกับพ่อที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และพ่อสูงวัยมีความน่าจะเป็นสูงที่จะให้กำเนิดลูกที่เป็นออทิสติก (Autistic)
ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายใน “ช่วงกลางของชีวิต” ไม่สามารถพยากรณ์ว่า ผู้คนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับชราภาพ (Aging)? หรือจะสนองตอบต่อชราภาพอย่างไร? แล้ววัฒนธรรมมีมุมมองอย่างไร ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเป็นกระบวนการที่ต้องต่อสู้ และชะลอลง? ซึ่งอาจมีความสำคัญมากกว่าว่า ผู้คนจะปรับตัวอย่างไร?
มีนักปรัชญามากมายที่ให้ความสำคัญแก่กระบวนการพัฒนาของชีวิต (Life development) คาร์ล จุน (Carl Jung) นักจิตวิทยาชาวสวิส ผู้มีศรัทธาในปรัชญาพุทธศาสนา ได้แบ่งช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต (Transition of life) ออกเป็น 4 ขั้นตอน บนพื้นฐานของการหมุน (Orbit) ของดวงอาทิตย์ กล่าวคือ เช้า สาย บ่าย เย็น
เขาอธิบายว่า ตอนเช้า หมายถึงวัยเด็กที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ อาทิ พ่อแม่ ครู และญาติ เป็นช่วงที่เรียนรู้เพื่อความอยู่รอดและเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญกับโลกภายนอก ส่วน ตอนสาย หมายถึง วัยรุ่นและผู้ใหญ่ ซึ่งต้องทำมาหากิน เพื่อหารายได้มาสร้างครอบครัว
สำหรับ ตอนบ่าย หมายถึงวัยชรา ที่ต้องเกษียณจากการทำงาน และมอบโอนงาน ให้ผู้อื่นรับช่วงไปเหมือนรอยต่อระหว่างเวลาโพล้เพล้ (Twilight) ส่วน ตอนเย็น หมายถึงวัยที่ปล่อยวางภาระ แล้วอยู่อย่างสงบ (Peaceful life) คาร์ล จุน กล่าวว่า “ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตที่สำคัญ อยู่ที่รอยต่อระหว่าง เช้า กับ บ่าย”
แหล่งข้อมูล
- Wade, Carole & Carol Tavris. (2008). Invitation to Psychology (4th Ed). Upper Saddle River, NJ : Pearson Education.
- Transition of life - http://www.buddhapadipa.org/dhamma-corner/the-transition-of-life/://www.buddhapadipa.org/dhamma-corner/the-transition-of-life/ [2015, May 23].