ลมชัก: ข้อควรปฏิบัติของผู้มีอาการชักในการขับขี่รถ
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 3 มกราคม 2560
- Tweet
การขับขี่รถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซด์ของผู้มีอาการชักนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีการจัดการที่ดี อาจก่อให้เกิดเรื่องเศร้าได้ ดังที่เราจะเห็นในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ทำให้มีการสูญเสียชีวิตของผู้คนมากมาย ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับผู้มีอาการชัก ดังนั้นเรามาทำความรู้จักข้อควรปฏิบัติที่เหมาะสมของผู้มีอาการชัก และต้องการขับขี่รถ ดังนี้
สำคัญที่สุดสำหรับความปลอดภัย
- ต้องไม่มอาการชักเลยเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องอย่างน้อย 12 เดือน เพราะระยะเวลาดังกล่าวพบว่าโอกาสเกิดการชักซ้ำใหม่มีน้อยมาก คือ ถ้าการควบคุมอาการชักได้ 12 เดือน การชักซ้ำใหม่มีเพียงร้อยละ 6 เท่านั้น ซึ่งถือว่าปลอดภัยสำหรับการขับขี่รถส่วนตัว
- ทานยากันชักทุกวันสม่ำเสมอ ถ้าลืมวันไหนก็ไม่ควรขับรถเลย
- ไม่อดนอน ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ลด ละ เลิกสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ชักได้ง่ายขึ้นทั้งหมด
- ถ้ามีอาการเตือนเกิดขึ้น ให้รีบหยุดรถทันที ถึงแม้จะเหลือระยะทางถึงที่หมายสั้นเพียงใดก็ตาม ห้ามคิดว่าอีกนิดเดียว เพราะมักจะเกิดอุบัติเหตุในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
การต่อหรือขอใบอนุญาตขับขี่รถ
- ต้องบอกความจริงกับเจ้าหน้าที่และแพทย์ผู้ให้การรักษา เพราะจะต้องบันทึกในใบรับรองแพทย์ว่าไม่มีอาการชักต่อเนื่องนานมากกว่า 12 เดือนสำหรับรถส่วนตัว และ 10 ปีสำหรับรถสาธารณะ
- ต้องบอกความจริงว่ารักษาที่ไหน กับแพทย์ท่านใด เพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานกับแพทย์ผู้ทำการรักษาได้ถูกต้อง ผลการประเมินจะได้ถูกต้องมากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของท่านเองและคนในสังคม
- ต้องบอกด้วยว่าทานแล้วมีผลข้างเคียง เช่น มึนศีรษะ เซ ง่วงนอน มือสั่นหรือไม่ เพราะอาการเหล่านี้อาจก่อใหเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ห้ามขาดยาถึงแม้จะควบคุมอาการได้ดีแล้ว ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด
การขับขี่รถสาธารณะ รถโดยสารรับจ้าง รถบรรทุก
- ต้องไม่มีอาการชักเลยต่อเนื่องกันนานมากกว่า 10 ปี
- ต้องไม่มีผลข้างเคียงจากยากันชัก
- ต้องทำการรักษาทานยากันชักสม่ำเสมอ ไม่มีลืมทานยาเลย
- เพราะถ้าเกิดการชักขึ้น นั้นหมายถึงอุบัติเหตุที่รุนแรงต่อส่วนรวม
การขับขี่รถเป็นสิ่งต้องระมัดระวังอย่างยิ่งสำหรับผู้มีอาการชัก ต้องรู้ตัวเอง บอกความจริง และเคร่งครัดในแนวทางที่รัฐระบุ และติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอ