ของปลอมที่จริงแท้ (ตอนที่ 1)

ของปลอมที่จริงแท้-1

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และกระแสพระราชดำรัสความว่า “เวลาไม่มีฟันกินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง”

ก่อให้เกิดการรวมพลังโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน “โครงการฟันเทียมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ตั้งแต่ปี 2548 ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้สูงอายุได้รับฟันเทียมเพื่อให้มีฟันบดเคี้ยวอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เพราะการสูญเสียฟันบดเคี้ยวอาหารนับเป็นสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่ปัญหาสุขภาพและโรคเรื้อรังต่างๆ ในผู้สูงอายุ โดยองค์การอนามัยโลกให้ข้อเสนอแนะว่าหากลดปัจจัยเสี่ยงและป้องกันโรคเรื้อรังได้จะทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุยืนยาวขึ้น

ดังนั้น เพื่อสนองตอบกระแสพระราชดำรัสให้ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการใส่ฟันเทียมอย่างทั่วถึง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงกำหนดให้บริการใส่ฟันเทียมเป็นสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2551 และร่วมมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ดำเนิน “โครงการฟันเทียมพระราชทาน ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า จากการดำเนินการตั้งแต่ปี 2554 ถึง 30 มิถุนายน 2560 หรือประมาณ 7 ปี มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับการใส่ฟันเทียม ทั้งใส่ฟันเทียมบางส่วนและใส่ฟันเทียมทั้งปาก และยังครอบคลุมถึงผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ที่จำเป็นต้องใส่ฟันเทียม โดยมีผู้ที่ได้รับการใส่ฟันภายใต้โครงการทั้งสิ้น 433,538 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 258,193 คน และผู้ที่ต่ำกว่า 60 ปีจำนวน 175,345 คน

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวด้วยว่า จากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติครั้งที่ 7 พ.ศ. 2555 ของกรมอนามัย พบว่า ผู้สูงอายุที่มีฟันน้อยกว่า 20 ซี่ คิดเป็นร้อยละ 42.2 มีการสูญเสียฟันทั้งปากลดลงจากร้อยละ 8.2 เหลือร้อยละ 7.2 และความต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปากลดลงจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 2.5

แต่ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยประเทศไทยมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 200,000 คน ทำให้มีผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปากเพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ยปีละ 5,000 คน จากปี 2555 - 2560 เมื่อคิดคำนวณเป็นจำนวนผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปาก จึงยังมีจำนวนสูงถึง 236,000 ราย

ฟันปลอม (Denture) คือ อุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป อาจทำจากอะคริลิก (Acrylic) ไนลอน (Nylon) หรือ โลหะ (Metal) โดยใส่ติดกับเหงือกเพื่อทดแทนฟันซี่ที่หายไป

ฟันปลอมมีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่

  • ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ เพราะเมื่อสูญเสียฟันไป กล้ามเนื้อใบหน้าจะหย่อน ทำให้ดูแก่กว่าวัย ฟันปลอมจะช่วยพยุงให้ใบหน้าดูดี
  • กำจัดปัญหาในการกินและการพูด ที่เกิดจากการมีช่องว่างระหว่างฟัน
  • ช่วยทำให้เกิดความมั่นใจในการเข้าสังคม

แหล่งข้อมูล:

  1. ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงห่วงผู้สูงอายุไม่มีฟัน สู่โครงการฟันเทียมพระราชทานฯ. https://mgronline.com/qol/detail/9600000105028 [2017, November 6].
  2. Dentures (false teeth). http://www.nhs.uk/conditions/dentures/Pages/Introduction.aspx [2017, November 6].
  3. Dentures.http://www.mouthhealthy.org/en/az-topics/d/dentures [2017, November 6].