คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ยาหยอดหู
- ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial drug) หรือยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เช่น Chloramphenical, Polymyxins B, Neomycin, Ciprofloxacin, Ofloxacin เป็นต้น
- ยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs) เช่น Clotrimazole, Tincture merthiolate, Gention violet เป็นต้น
- สารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น กรดอะซีติก (2 Percent Acetic acid solution), กรดบอริก ที่จะมีคุณสมบัติมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านเชื้อรา เนื่องจากเชื้อก่อโรคต่างๆ เหล่านี้ที่อยู่ในช่องหูมักเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่เป็นด่าง
- ยาชาเฉพาะที่ (Otic anesthetics) เช่น Lidocaine, Benzo caine ที่ใช้ช่วยลดอาการปวดหู
- ยาต้านอักเสบ (Corticosteroids) เช่น Hydrocortisone, Dexamethasone, Prednisolone ที่ใช้ลดการอักเสบและลดบวม
- ยาละลายขี้หู (Ceruminolytic agent) เช่น Docusate sodium, Sodium bicarbonate/NaHCO3), น้ำมันมะกอก ที่ใช้ในผู้ที่ขี้หูอุดตัน
- ไม่ควรใช้ยาที่ทำให้เกิดพิษ/มีผลข้างเคียงต่อหู (Ototoxicity) เช่น Neomycin ในคนไข้ที่แก้วหูทะลุ แต่ควรเลือกใช้ยาต้านแบคทีเรียชนิดที่ไม่มีพิษต่อหูแทน เช่น Ciprofloxacin หรือ Ofloxacin
- ไม่ควรใช้ยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาต้านอักเสบชนิดสเตียรอยด์ในคนไข้ที่ติดเชื้อรา เชื้อวัณโรค หรืองูสวัด ในช่องหู
- ในคนไข้ที่แก้วหูทะลุ ควรระวังการใช้ยาที่มีคุณสมบัติเป็นกรดหรือมีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดหรือระคายเคืองต่อหูได้
- ห้ามใช้ยาละลายขี้หูในผู้ที่แก้วหูทะลุหรือที่มีอาการอักเสบของหู
- ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย/ยาปฏิชีวนะ ในกลุ่ม Aminoglycoside เช่น ยา Streptomycin, Kanamycin จะเป็นพิษต่อหู อาจทำให้การได้ยินเสียงผิดปกติ หรือสูญเสียการได้ยินได้ แต่กรณีนี้พบได้น้อยมากจากการใช้ยาหยอดหู
- เกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนัง (Contact dermatitis) ซึ่งพบได้บ่อยในการใช้ยา Neomycin
- เกิดการติดเชื้อราแทรกซ้อนในช่องหู เนื่องจากใช้ยาต้านแบคทีเรียหยอดหูติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ระคายเคืองช่องหูชั้นนอกเมื่อใช้ยาละลายขี้หูติดต่อกันนานเกินไป
- ควรทำความสะอาดหูก่อนหยอดยา โดยใช้ไม้พันสำลีเช็ดสิ่งสกปรกหรือหนองออกหรือใช้วิธีดูดออก (ทำโดยแพทย์เท่านั้น)
- นอนตะแคงให้หูข้างที่จะหยอดยาอยู่ด้านบน ดึงใบหูไปด้านหลังและดึงขึ้นข้างบน เพื่อให้ยาเข้าไปในช่องหูได้ดี
- นอนตะแคงอยู่ในท่าเดิมประมาณ 3-5 นาที อาจเอาสำลีสะอาดใส่ไว้ในรูหูเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ยาไหลออกมา
- ถ้าหูชั้นนอกบวมมาก อาจใช้สำลีสอดเข้าไปในรูหูแล้วหยดยาผ่านสำลีแทน เพื่อให้ยาถูกดูดซึมเข้าช่องหูได้ดียิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนสำลีทุกวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและทำความสะอาดช่องหูทุกๆ 2-5 วันหรือตามแพทย์แนะนำจนกว่าหูชั้นนอกจะหายบวม
- ถ้าเป็นยาหยอดหูชนิดยาน้ำแขวนตะกอน ให้เขย่าขวดก่อนใช้ยา
- หากเก็บยาหยอดหูไว้ในตู้เย็น (ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็ง) ก่อนใช้ยาควรใช้มือกำขวดยาไว้สักครู่ เพื่อปรับอุณหภูมิของยาให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกาย เนื่องจากถ้าหยอดยาที่เย็นเกินไปในช่องหูอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้