logo

คำถามจาก วิกิยา

Home / FAQ ยา/ ยาทาแก้คัน

คำถามเกี่ยวกับยา

โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล

เรื่อง : ยาทาแก้คัน

ส่วนใหญ่จะเป็นยาในกลุ่มยาต้านฤทธิ์สารที่ก่อให้เกิดอาการคันที่เรียกว่า ฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งยาในกลุ่มนี้เรียกว่า ยาต้าน (ฤทธิ์) ฮีสตามีน (Antihistamine) ซึ่งมีทั้งยากินและยาทา

1. รุ่นที่ 1 (First generation) Sedating Antihistamine: เป็นกลุ่มแอนตี้ฮีสตามีนที่ผ่านเข้าสู่ระบบเลือดและสมองได้ดี จึงมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดอาการง่วงซึม ง่วงนอน และยังมีผลข้างเคียงอื่นๆเช่น คอแห้ง ปากแห้ง ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก/ปัสสาวะขัด ตัวยาในกลุ่มนี้เช่น Chlopheniramine, Hydroxyzine, Tripolidine, Brompheniramine ซึ่งข้อดีของยากลุ่มนี้คือ สามารถลดอาการน้ำมูกไหลได้ และสามารถลดอาการคันได้ดีกว่ายาในรุ่นอื่นๆ

2. รุ่นที่ 2 (Second generation) Non-sedating Antihistamines: ยากลุ่มนี้ได้พัฒนาเพื่อแก้จุดด้อยของยาในกลุ่มที่ 1 โดยมีจุดเด่น 3 ประการคือ 1)ไม่ง่วง 2)ออกฤทธิ์นานกว่า 12 ชั่วโมงจนถึงหลายวัน 3)ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับตัวรับ (Receptor) ต่อฮีสตามีน ทำให้ได้ผลการรักษาได้ดีกว่ากลุ่มแรก ยากลุ่มนี้เช่น Loratadine, Mequitazine, Acrivastine, Azelastine, Ebastine, Epinastine

3. รุ่นที่ 3 (Third generation): ยากลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมีคุณสมบัติเหมือนรุ่นที่ 2 แต่ตัวยาออกฤทธิ์ได้โดยไม่ต้องผ่านการย่อยสลายที่ตับและลดผลข้างเคียงต่อหัวใจ ยาในกลุ่มนี้เช่น Fexofenadine, Certirizine

ก. โรคภูมิแพ้ทางจมูก (Allergic rhinitis): ควรรักษาด้วยยาต้านฮีสตามีนในรุ่นที่ 2 ร่วมกับยาลดอาการคัดจมูก (Decongestant) และควรให้ยาพ่นจมูกพวก Corticosteroid เสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

ข. เยื่อจมูกอักเสบที่ไม่ใช่ภูมิแพ้และโรคหวัด (Non-allergic rhinitis & Common cold): ควรใช้ยาในกลุ่มต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 1 เพราะสามารถลดน้ำมูกที่ไม่ได้เกิดจากสารฮีสตามีนได้ดีกว่าโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาลดอาการคัดจมูก

ค. การรักษาลมพิษและโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Urticaria - Angioedema and Atopic Dermatitis): แบ่งออกเป็นชนิดเฉียบพลันซึ่งมักเกิดจากการแพ้อาหารหรือยาหรือสารเคมีต่างๆ และชนิดเรื้อรังซึ่งมักจะเป็นประเภทไม่ทราบสาเหตุแน่นอน โดยอาการคันจากโรคกลุ่มนี้สามารถใช้ยาต้านฮีสตามีนได้ทั้ง 3 รุ่น แต่สำหรับชนิดเรื้อรังควรให้ยาที่มีฤทธิ์ยาวและไม่ทำให้ง่วง

ก. ยาในรุ่นที่ 1 ให้ระวังในการใช้ร่วมกับยาที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เพราะจะทำให้มีอาการง่วงมากขึ้น ได้แก่ยานอนหลับ ยาระงับประสาท และพวก Alcohol

ข. ยาในรุ่นที่ 2 ให้ระวังการใช้ยาร่วมกับยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเมตาโบลิซึ่มของตับ ซึ่งมีผลเสี่ยงต่อการทำงานของหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกับ Macrolides/Azoles group รวมไปถึงยาเกี่ยวกับโรคหัวใจ

ค. ยาในรุ่นที่ 3 เป็นยากลุ่มที่ไม่มีปัญหาเหมือนรุ่น 1 และ 2 แต่จะมีปัญหาในเรื่องราคายาที่มีราคาค่อนข้างสูง